ความสำเร็จ “คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” โมเดลแก้จนบ้านดงสาร สกลนคร

ความสำเร็จ “คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” โมเดลแก้จนบ้านดงสาร สกลนคร

ท่ามกลางความท้าทายของ "ทุ่งน้ำท่วมไฟไหม้" บ้านดงสาร สกลนคร กลับพลิกฟื้นชีวิตด้วย "โมเดลคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" นวัตกรรมที่เปลี่ยนนาปรังคุณภาพต่ำ สู่ผลผลิตมูลค่าสูง โครงการนี้ไม่ได้แค่แก้ปัญหาข้าวแข็งราคาตกต่ำ แต่ยังสร้างความยั่งยืนให้ชุมชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

จากรายได้ครัวเรือนต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สู่การแปรรูปข้าวเม่า สบู่นมข้าว และแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โครงการนี้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ชาวบ้าน พร้อมรับมือความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งสภาพอากาศ โรคระบาด และตลาดที่ผันผวน

"โมเดลคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" ไม่ใช่แค่โครงการ แต่เป็นการรวมพลังของชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร บพท. และ อบต. ร่วมกันสร้างอนาคตใหม่ให้บ้านดงสาร


สถานการณ์ปัญหาเดิม ทุ่งน้ำท่วมไฟป่า ชีวิตที่ยากลำบาก

บ้านดงสารตั้งอยู่ริมแม่น้ำสงคราม พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งบุ่งทาม "ทุ่งพันขัน" ที่แม้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทาย ในฤดูฝน น้ำท่วมพื้นที่ทั้งหมด ส่วนฤดูร้อน ไฟป่าก็เผาผลาญทุกสิ่ง ทำให้ชาวบ้านต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำเกษตรกรรม

  • ข้าวแข็งราคาตกต่ำ ชาวบ้านทำนาปรัง แต่ผลผลิตข้าวมีคุณภาพต่ำ ขายได้ราคาไม่ดี
  • ทรัพยากรธรรมชาติลดลง การเข้ามาใช้ทรัพยากรจากภายนอก ทำให้ทรัพยากรในท้องถิ่นลดลง
  • ขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เกษตรกรต้องซื้อหรือแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน



สถานการณ์ความยากจนบ้านดงสาร รายได้น้อย หนี้สินพอกพูน

จากข้อมูลในปี 2565 พบว่าครัวเรือนในบ้านดงสารมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน มีหนี้สิน และขาดแคลนทุนในการประกอบอาชีพ

  • รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี
  • มีหนี้สินกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และธนาคารพาณิชย์
  • ขาดแคลนทุนในการซื้อเมล็ดพันธุ์และปัจจัยการผลิต


แนวทางการแก้ไขปัญหา "คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

โครงการ "โมเดลคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" นำโดยอาจารย์สายฝน ปุนหาวงศ์ และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เป็นโครงการที่มุ่งแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาการเกษตรในบ้านดงสาร อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร โดยใช้แนวทางการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม และกรอบแนวคิดการดำรงชีพอย่างยั่งยืน (SLF)

เกิดการสร้างนวัตกรรมทางสังคมที่น่าสนใจหลายด้าน เช่น ช่วยแก้ไขปัญหาการผลิตและการตลาด การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาการเกษตรในชุมชนบ้านดงสาร จ.สกลนคร ดังนี้

1 การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ

  • คัดเลือกและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมูลค่าสูงขึ้น
  • ใช้เทคโนโลยี "ตะแกรงร่อน" เพื่อคัดแยกเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ ช่วยลดการปนเปื้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

2 การสร้างคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว

  • จัดตั้งกองทุนเมล็ดพันธุ์ข้าว ผ่านประเพณีบุญกองข้าว เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเมล็ดพันธุ์คุณภาพได้ในราคาที่เป็นธรรม ลดต้นทุนในการซื้อเมล็ดพันธุ์
  • การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ระหว่างเกษตรกรในชุมชน สร้างความเข้มแข็งของชุมชนและลดความเสี่ยงในการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์

3 การแปรรูปผลิตภัณฑ์

  • การเพิ่มมูลค่าผลผลิตด้วยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ข้าวเม่าและสบู่นมข้าว สร้างโอกาสในการสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร
  • การสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างในตลาด

4 การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

  • การพัฒนา "พิพิธภัณฑ์เกษตรกรรมที่มีชีวิต" เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน
  • การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

5 การสร้างวิสาหกิจชุมชน

  • การส่งเสริมให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน เพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
  • การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารและการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน


ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาการเกษตรในบ้านดงสาร มีปัจจัยด้านความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อความยั่งยืนในชุมชน ดังนี้

ความเสี่ยงด้านการผลิต

  • ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ภัยแล้ง น้ำท่วม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าวและคุณภาพของเมล็ดพันธุ์
  • การระบาดของโรคและแมลง อาจทำให้ผลผลิตข้าวลดลงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเมล็ดพันธุ์
  • การปนเปื้อนของเมล็ดพันธุ์ อาจทำให้คุณภาพของเมล็ดพันธุ์ลดลงและส่งผลกระทบต่อผลผลิตข้าว
  • ความเสี่ยงของคุณภาพเมล็ดพันธุ์ สิ่งที่ชาวบ้านยังต้องเสริมทักษะอย่างต่อเนื่อง คือองค์ความรู้ด้านการคัดคุณภาพเมล็ดพันธุ์ ส่งผลให้พบกับปัญหาข้าวไม่งอก เติบโตไม่สมบูรณ์

ความเสี่ยงด้านการตลาด

  • ความผันผวนของราคาข้าว ราคาข้าวในตลาดอาจมีความผันผวน ทำให้เกษตรกรมีความเสี่ยงในการขายผลผลิต การแข่งขันในตลาด การแข่งขันในตลาดข้าวอาจทำให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ยากขึ้น
  • การเข้าถึงตลาด เกษตรกรอาจมีปัญหาในการเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพ
  • ความต้องการของตลาด มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากสินค้าทางการเกษตรของชุมชนไม่สามารถปรับตัวตามความต้องการของตลาดได้ ก็อาจจะทำให้ผลผลิตขายไม่ได้

ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ

  • การบริหารจัดการกองทุนเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อความยั่งยืนของชุมชน
  • การบริหารจัดการวิสาหกิจชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของการพัฒนา
  • ความต่อเนื่องของโครงการ อาจมีความเสี่ยงหากขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ
  • การมีส่วนร่วมของชุมชน หากคนในชุมชนขาดความร่วมมือกัน ก็อาจจะทำให้การพัฒนาไม่ประสบความสำเร็จได้

ความเสี่ยงด้านทรัพยากร

  • การขาดแคลนน้ำ ในพื้นที่ทำกินอยู่ที่พื้นที่อุทกภัย ภัยแล้ง ทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอต่อการทำการเกษตร
  • การเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรธรรมชาติมที่เริ่มลดน้อยลง เนื่องจากมีชาวบ้านต่างชุมชนเช่าเหมารถเข้ามาใช้ทรัพยากรมากขึ้นทุกปี



ภาพความร่วมมือของฝ่ายต่างๆ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

ความสำเร็จของโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน

  • มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ให้องค์ความรู้และเทคโนโลยี พร้อมทั้งนำนักศึกษาวิศวกรสังคมมาร่วมเรียนรู้ชุมชน
  • หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สนับสนุนด้านทุน
  • ที่ว่าการอำเภออากาศอำนวย นำโดยนายอำเภอ
  • เกษตรอำเภออากาศอำนวย
  • Local Alike กิจการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน (Social Enterprise)
  • องค์การบริหารส่วนตำบลโพนงาม(อบต.) เป็นหน่วยงานภาครัฐที่ร่วมขับเคลื่อนในพื้นที่
  • โรงเรียนบ้านดงสาร
  • วิสาหกิจชุมชนข้าวเม่าหวาน บ้านนายอ
  • ชาวบ้านในชุมชนที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการพัฒนา


ผลกระทบต่อชุมชนบ้านดงสาร ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

เพิ่มรายได้ครัวเรือน

  • การพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
  • การสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน

ลดต้นทุนการผลิต

  • การจัดตั้งกองทุนเมล็ดพันธุ์ข้าวช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงเมล็ดพันธุ์คุณภาพในราคาที่เป็นธรรม ลดต้นทุนในการซื้อเมล็ดพันธุ์
  • การใช้เทคโนโลยี "ตะแกรงร่อน" ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกเมล็ดพันธุ์ ลดการสูญเสีย

สร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจชุมชน

  • การจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนช่วยสร้างกลไกในการบริหารจัดการและดำเนินธุรกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
  • การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของข้าวนาปรังภายในชุมชน

ผลกระทบด้านสังคม

สร้างความเข้มแข็งของชุมชน

  • การมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอนของโครงการช่วยสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและสร้างความสามัคคีในชุมชน
  • การส่งเสริมการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีช่วยพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชน

ลดความเหลื่อมล้ำ

  • โครงการนี้มุ่งเน้นช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ทำให้เกิดการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำในชุมชน
  • สร้างความภาคภูมิใจในท้องถิ่นการฟื้นฟูและพัฒนาพันธุ์ข้าวท้องถิ่นช่วยสร้างความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชุมชน


ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน

  • การส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพช่วยลดการใช้สารเคมีในการเกษตร
  • การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ช่วยสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การอนุรักษ์ทรัพยากร

  • การจัดการคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว เป็นการจัดการทรัพยากรที่สำคัญของชุมชนให้เกิดความยั่งยืน



ปัจจัยความสำเร็จ

การมีส่วนร่วมของชุมชน

  • การให้ชุมชนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การวางแผน การดำเนินงาน และการประเมินผล
  • การสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการให้กับชุมชน

การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

  • การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนาการเกษตรและแปรรูปผลิตภัณฑ์
  • การส่งเสริมการเรียนรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเกษตรกร

ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน

  • ความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน
  • การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการ

การจัดการทุนและทรัพยากร

  • การบริหารจัดการทุนและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การสร้างความยั่งยืนทางการเงินให้กับโครงการ

การสร้างตลาดและช่องทางการจำหน่าย

  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของตลาด
  • การสร้างช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย เช่น ตลาดออนไลน์และตลาดท้องถิ่น

การพัฒนาศักยภาพชุมชน

  • การส่งเสริมให้ชุมชนมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน


บทสรุปความหวังและอนาคตที่ยั่งยืน

"โมเดลคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" เป็นตัวอย่างของการแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เรื่องราวของความหวังและการเปลี่ยนแปลงกำลังผลิบาน "บ้านดงสาร" หมู่บ้านที่เคยเผชิญกับความยากจนและปัญหาการเกษตรมาอย่างยาวนาน กำลังลุกขึ้นสู้วิกฤตด้วย "โมเดลคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว" ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับคนรุ่นต่อไป


ที่มา: ปฏิบัติการโมเดลแก้จนคลังเมล็ดพันธุ์ข้าว
เรียบเรียงโดย : สมชาย เครือคำ (แตงโม สกลนคร)
ติดตามได้ที่ : Onepoverty และ blockdit และ Facebook
แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) งานยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า