วิกฤตหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมโยงกับความยากจนในจังหวัดสกลนคร

รายงานการวิเคราะห์เชิงลึก: วิกฤตหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมโยงกับความยากจนในจังหวัดสกลนคร

เรียบเรียงโดย: แตงโม สกลนคร

สกลนคร: การวิเคราะห์หนี้ครัวเรือนและความยากจน

ความย้อนแย้งของสกลนคร

แม้เศรษฐกิจจะเติบโตแข็งแกร่ง แต่ประชาชนในจังหวัดสกลนครกลับต้องเผชิญกับหนี้ครัวเรือนจำนวนมาก ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความยากจน

ศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ของสกลนครอยู่ในอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจฐานรากและภาคบริการที่เติบโตอย่างโดดเด่น

อันดับต้นๆ

การจัดอันดับ GPP ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาระหนี้สินที่น่ากังวล

ในปี 2564 หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยสูงมากเกินกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือน และค่าเฉลี่ยของภูมิภาค สะท้อนถึงภาระทางการเงินที่หนักอึ้ง

฿295,867

หนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือน (ปี 2564)

เจาะลึกสถานการณ์หนี้

การทำความเข้าใจองค์ประกอบและแนวโน้มของหนี้สินเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหา

วัตถุประสงค์หลักของการก่อหนี้

หนี้สินส่วนใหญ่เกิดจากการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งเน้นย้ำถึงช่องว่างระหว่างรายได้และค่าครองชีพ หนี้เพื่อการเกษตรก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน สะท้อนถึงความเสี่ยงในภาคเศรษฐกิจหลัก

แนวโน้มหนี้ครัวเรือน (2560-2566)

กราฟนี้แสดงให้เห็นถึงความผันผวนของหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยในสกลนคร แม้จะมีแนวโน้มลดลงล่าสุด แต่ระดับโดยรวมยังคงสูงอยู่ แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันทางการเงินที่ต่อเนื่องมาหลายปี

ทำไมหนี้ถึงสูง? สาเหตุที่แท้จริง

หลายปัจจัยทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และภายนอก ต่างก็มีส่วนทำให้เกิดหนี้ครัวเรือนในระดับสูง

👨‍🌾

รายได้ไม่แน่นอน

การพึ่งพาภาคเกษตรกรรมสูง ทำให้รายได้ผันผวนจากผลผลิตและราคาที่ไม่แน่นอน

🛒

ค่าครองชีพสูง

ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายครัวเรือนต้องกู้ยืมเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็น

🏦

การเข้าถึงสินเชื่อที่จำกัด

ข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบผลักดันให้ประชาชนต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง

🌪️

ผลกระทบจากภายนอก

เหตุการณ์เช่นการระบาดของโควิด-19 และภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงาน

วงจรหนี้และความยากจน

หนี้สินที่สูงไม่ใช่แค่ตัวเลขทางการเงิน แต่เป็นกับดักที่ทำให้ความยากจนดำเนินต่อไป ภาระหนี้สินทำให้รายได้สุทธิของครัวเรือนลดลง ต้องกู้ยืมเพิ่มเพื่อใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น ซึ่งจะยิ่งทำให้วงจรความยากจนลึกขึ้น

รายได้ต่ำ/ไม่แน่นอน

กู้ยืมเพื่อใช้จ่ายที่จำเป็น

ภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น

รายได้สุทธิลดลง

ความยากจนที่ลึกขึ้น

หนทางแก้ไขปัญหา: แนวทางสำคัญ

การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุม ทั้งการเสริมสร้างเศรษฐกิจ การให้ความรู้ทางการเงิน และนโยบายที่มีประสิทธิภาพ

1. เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานราก

  • ส่งเสริมรายได้นอกภาคเกษตร (หัตถกรรม, ท่องเที่ยว).
  • พัฒนาทักษะและช่องทางการตลาด.
  • สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์.
  • ส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน.

2. ส่งเสริมสุขภาวะทางการเงิน

  • เสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มออมทรัพย์.
  • สนับสนุนสถาบันการเงินจุลภาคเพื่อการให้สินเชื่อที่เป็นธรรม.
  • จัดโครงการให้ความรู้ทางการเงินและการให้คำปรึกษาหนี้สิน.

3. การแทรกแซงของภาครัฐและนโยบาย

  • พิจารณามาตรการช่วยเหลือหนี้สินสำหรับกลุ่มเปราะบาง.
  • กำกับดูแลการให้สินเชื่อนอกระบบอย่างเข้มงวด.
  • ส่งเสริมการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบของสถาบันการเงินในระบบ.
  • สนับสนุนโครงการปรับโครงสร้างหนี้.

อินโฟกราฟิกนี้จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงจากบทความวิเคราะห์สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในจังหวัดสกลนคร ปี 2566

รายงานการวิเคราะห์เชิงลึก: วิกฤตหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมโยงกับความยากจนในจังหวัดสกลนคร

1. บทสรุปสำหรับผู้บริหาร: ความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ภายใต้การเติบโต

รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในจังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาค จากการวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า แม้จังหวัดสกลนครจะแสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นและมีการเติบโตของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) อยู่ในระดับแนวหน้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี พ.ศ. 2565 แต่กลับต้องเผชิญกับภาระหนี้สินครัวเรือนที่สูงและมีแนวโน้มน่ากังวล ปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางเชิงโครงสร้างที่ซ่อนอยู่ โดยที่ผลประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ได้กระจายไปสู่ครัวเรือนฐานรากอย่างทั่วถึง
การวิเคราะห์สถานการณ์หนี้สินอย่างละเอียดชี้ให้เห็นว่าหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงภาวะรายจ่ายที่สูงกว่ารายได้และขาดความสามารถในการออมเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน  สาเหตุของปัญหานี้มีความหลากหลายและเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน ทั้งจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น ความผันผวนของรายได้ในภาคเกษตรกรรม และจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์โรคระบาดและภาวะโลกร้อน ภาระหนี้สินที่สูงนี้ได้สร้างวงจรที่เลวร้าย โดยไปลดทอนกำลังซื้อและศักยภาพในการออมของครัวเรือน ซึ่งยิ่งผลักดันให้ครัวเรือนจำนวนมากเข้าสู่วงจรแห่งความยากจนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

รายงานฉบับนี้ได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยเน้นยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมในสามมิติหลัก ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก, การปฏิรูปและส่งเสริมการเข้าถึงระบบการเงิน, และการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคส่วนต่างๆ การดำเนินการตามยุทธศาสตร์เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ละเอียดและแม่นยำเพื่อกำหนดเป้าหมายการช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จในระดับชุมชนให้สามารถขยายผลได้ในวงกว้าง เพื่อเปลี่ยนผ่านจากภาวะความเปราะบางทางการเงินไปสู่ความมั่งคั่งที่ยั่งยืนสำหรับประชาชนทุกคนในจังหวัดสกลนครอย่างแท้จริง

รายงานการวิเคราะห์เชิงลึก: วิกฤตหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมโยงกับความยากจนในจังหวัดสกลนคร


2. ภูมิทัศน์เศรษฐกิจ-สังคมของจังหวัดสกลนคร: เศรษฐกิจสองทิศทาง

จังหวัดสกลนครมีลักษณะทางเศรษฐกิจที่โดดเด่นและน่าสนใจ เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนบนสองฐานรากที่แตกต่างกัน แต่มีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสถานการณ์ทางการเงินของประชาชนในพื้นที่

2.1 ฐานรากอันแข็งแกร่งของภาคเกษตรกรรม

หัวใจสำคัญของเศรษฐกิจจังหวัดสกลนครคือภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นแหล่งรายได้และวิถีชีวิตหลักของประชากรส่วนใหญ่ การปลูกข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักมาอย่างยาวนาน ควบคู่ไปกับพืชอื่นๆ เช่น มันฝรั่ง มันสำปะหลัง และยางพารา นอกจากนี้ ภาคเกษตรยังรวมถึงผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ผ้าย้อมคราม ซึ่งช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชน ฐานรากที่มั่นคงนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการผลิตที่หลากหลาย โดยข้อมูลระบุว่าจังหวัดสกลนครเป็นแหล่งผลิตมันฝรั่งอันดับ ของภาคอีสาน

อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาภาคเกษตรกรรมอย่างมากนี้ได้สร้างความเปราะบางในตัวของมันเอง รายได้ของครัวเรือนเกษตรกรมีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ความไม่แน่นอนของผลผลิตและราคาในตลาด การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง หรืออุทกภัย ยังคงเป็นความท้าทายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตทางการเกษตร สถานการณ์ดังกล่าวบังคับให้ครัวเรือนต้องพึ่งพาการกู้ยืมเพื่อชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป หรือเพื่อเป็นเงินทุนในการทำเกษตรในรอบถัดไป ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ในระยะยาวได้สะสมภาระหนี้สินจนกลายเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง รายได้ที่ไม่แน่นอนนี้จึงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้เกษตรกรเข้าสู่วงจรหนี้สินอย่างต่อเนื่อง

2.2 การเติบโตและการขยายตัวของภาคบริการ

ในอีกด้านหนึ่งของเศรษฐกิจจังหวัดสกลนคร มีการเติบโตที่แข็งแกร่งในภาคส่วนที่ไม่ใช่เกษตรกรรม ข้อมูลในปี พ.ศ. 2565 ชี้ให้เห็นว่าจังหวัดมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงสร้างเศรษฐกิจมีความหลากหลายมากขึ้น โดยสัดส่วนของภาคนอกเกษตรสูงกว่าภาคเกษตรอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคบริการมีการขยายตัวอย่างโดดเด่นในสาขาศิลปะ, ความบันเทิง, การขนส่ง และคลังเก็บสินค้า การขยายตัวนี้สอดคล้องกับบทบาทของจังหวัดในฐานะศูนย์กลางการค้าและแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของภาคอีสาน

การเติบโตของ GPP ที่แข็งแกร่งนี้สร้างความรู้สึกเชิงบวกในระดับมหภาค แต่เมื่อพิจารณาร่วมกับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่สูงลิ่ว จะเห็นความขัดแย้งที่สำคัญ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ได้สะท้อนถึงการยกระดับรายได้ของครัวเรือนเกษตรกรซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของจังหวัดอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้เกิดภาวะความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์จากภาคเศรษฐกิจที่ขยายตัวถูกกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มประชากรที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจใหม่ๆ ในขณะที่ครัวเรือนฐานรากที่ยังคงพึ่งพาภาคเกษตรต้องเผชิญกับรายได้ที่ไม่มั่นคงและภาระหนี้สินที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการใช้ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเพียงมิติเดียวอาจไม่เพียงพอในการทำความเข้าใจสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง

3. สถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่น่ากังวล: การวิเคราะห์เชิงปริมาณและคุณภาพ

การวิเคราะห์ตัวเลขหนี้สินครัวเรือนในจังหวัดสกลนครเผยให้เห็นถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงและมีความซับซ้อน ซึ่งต้องพิจารณาจากหลากหลายมิติเพื่อทำความเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา

3.1 ระดับหนี้สินและการเปรียบเทียบในภูมิภาค

ข้อมูลสถิติที่รวบรวมได้แสดงให้เห็นถึงระดับหนี้สินที่สูงและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากปี พ.ศ. 2564 พบว่าหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนในจังหวัดสกลนครสูงถึง 295,867 บาท ซึ่งสูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อเดือนอย่างมาก แม้ว่าข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ. 2566 จะแสดงตัวเลขที่ลดลงเหลือ 221,537 บาท ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่สูงและอยู่ในอันดับที่ 8 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีหนี้ครัวเรือนเฉลี่ยสูงสุด อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ตัวเลขเฉพาะของครัวเรือนเกษตรพบว่า มูลค่าหนี้สินเฉลี่ยต่อครัวเรือนที่เป็นหนี้ในปี พ.ศ. 2564 สูงถึง 314,087 บาท และลดลงมาอยู่ที่ 200,689 บาทในปี พ.ศ. 2566 

ความแตกต่างของตัวเลขที่รายงานจากหลายแหล่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนในการเก็บข้อมูลและการแบ่งประเภทของครัวเรือน การลดลงของหนี้สินครัวเรือนเกษตรจากปี 2564 ถึง 2566 อาจเป็นผลมาจากมาตรการช่วยเหลือหนี้สินของภาครัฐ หรือการบริหารจัดการหนี้ที่เข้มงวดมากขึ้น แต่ตัวเลขหนี้เฉลี่ยโดยรวมยังคงสูง ซึ่งหมายความว่าปัญหาหนี้สินยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับประชากรกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกษตรกรด้วย นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลที่ละเอียดและจำแนกตามประเภทของครัวเรือน เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายการช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด

รายงานการวิเคราะห์เชิงลึก: วิกฤตหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมโยงกับความยากจนในจังหวัดสกลนคร

ตารางที่ 1: ตัวชี้วัดสำคัญทางเศรษฐกิจและหนี้สินครัวเรือนของจังหวัดสกลนคร (พ.ศ. 2560-2566)

ตัวชี้วัดข้อมูลปีที่รายงานแหล่งข้อมูล
หนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือน (บาท)295,86725641
หนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือน (บาท)221,53725663
หนี้เฉลี่ยครัวเรือนเกษตร (บาท)314,08725644
หนี้เฉลี่ยครัวเรือนเกษตร (บาท)200,68925664
GPP ของจังหวัดอันดับต้นๆ ของภาคอีสาน25651

3.2 องค์ประกอบและวัตถุประสงค์ของการก่อหนี้

การเจาะลึกไปที่องค์ประกอบของหนี้สินเผยให้เห็นถึงสาเหตุเชิงพฤติกรรมที่ลึกซึ้ง ข้อมูลชี้ชัดว่าวัตถุประสงค์หลักของการก่อหนี้ของครัวเรือนในจังหวัดสกลนครคือเพื่อใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภคในครัวเรือน ตามมาด้วยหนี้สินเพื่อการทำการเกษตร ข้อมูลนี้สอดคล้องกับภาพรวมของภาคอีสานที่หนี้สินส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอุปโภคบริโภค

การที่หนี้สินส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเพื่อรายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต แต่เป็นการกู้เพื่อพยุงค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน สถานการณ์นี้แสดงถึงความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย โดยที่ค่าครองชีพที่สูงขึ้นได้บีบให้ครัวเรือนต้องกู้ยืมเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐาน ซึ่งแตกต่างจากหนี้เพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เช่น หนี้เพื่อที่อยู่อาศัย การก่อหนี้เพื่อการบริโภคเช่นนี้ทำให้ครัวเรือนขาดความสามารถในการสร้างเงินทุนเพื่อชำระหนี้ และนำไปสู่วงจรหนี้สินที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ตารางที่ 2: วัตถุประสงค์และองค์ประกอบหนี้สินครัวเรือนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและจังหวัดสกลนคร

วัตถุประสงค์สัดส่วนในภาคอีสาน (พ.ศ. 2566)สัดส่วนในจังหวัดสกลนคร (ตามข้อมูล)
เพื่อซื้อ/เช่าซื้อบ้านร้อยละ 43.9-
เพื่อการเกษตรร้อยละ 25.3รองลงมา
เพื่อใช้จ่ายในครัวเรือนร้อยละ 21.3หลัก

4. ปัจจัยขับเคลื่อนหนี้สินและความเปราะบางที่ฝังราก

ระดับหนี้สินครัวเรือนที่สูงในจังหวัดสกลนครไม่ได้เป็นเพียงผลจากพฤติกรรมส่วนบุคคล แต่เป็นผลพวงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างและพลวัตของตลาดที่ซับซ้อน

4.1 ปัจจัยเชิงโครงสร้างและรายได้

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดหนี้สินคือความไม่แน่นอนของรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ เกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน และจากภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่น ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ ครัวเรือนส่วนใหญ่ขาดเงินออมที่เพียงพอที่จะใช้เป็นทุนสำรองฉุกเฉิน ทำให้ทางเลือกเดียวที่มีคือการกู้ยืมเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือเพื่อลงทุนในการผลิตครั้งต่อไป ซึ่งยิ่งทำให้ครัวเรือนจมดิ่งลงในวงจรหนี้สิน ปัจจัยภายนอก เช่น การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และภาวะโลกร้อน ยิ่งทวีความรุนแรงของปัญหา โดยส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงานในวงกว้าง สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าหนี้สินไม่ใช่แค่ปัญหาทางการเงิน แต่เป็นสัญญาณของความเปราะบางทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนที่ต้องการการแก้ไขอย่างเป็นระบบ

4.2 การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและพลวัตของตลาด

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญคือข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ การเข้าถึงสินเชื่อที่ไม่ทั่วถึงและกระบวนการที่ซับซ้อนของสถาบันการเงินหลักทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท ต้องหันไปพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ การพึ่งพาเงินกู้นอกระบบนี้มีอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากมักมาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าความเป็นธรรม ตัวอย่างที่น่าตกใจคือการจับกุมกลุ่มเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 ภายในระยะเวลา 24 วัน ซึ่งทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นได้จริงและติดกับดักหนี้สินอย่างถาวร

การมีอยู่ของตลาดเงินกู้นอกระบบที่เติบโตอย่างรวดเร็วเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงช่องโหว่ของระบบการเงินหลักที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการสินเชื่อของประชาชนในระดับฐานรากได้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เพียงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ แต่ยังอยู่ที่ระบบการเงินที่เอื้อให้เกิดการกู้ยืมเกินตัว และขาดการกำกับดูแลที่เพียงพอ สถาบันการเงินบางแห่งอาจปล่อยสินเชื่อโดยไม่ได้ประเมินศักยภาพของผู้กู้ยืมอย่างรอบคอบ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเป็นการสร้างภาระหนี้สินที่ไม่ยั่งยืนให้กับครัวเรือน

5. วงจรแห่งหนี้สินและความยากจน: ความเชื่อมโยงที่แยกจากกันไม่ได้

ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่สูงไม่ได้เป็นเพียงภาระทางการเงิน แต่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับปัญหาความยากจนที่ฝังรากในชุมชน ซึ่งเป็นการสร้างวงจรที่เลวร้ายและยากต่อการหลุดพ้น

5.1 ภาระการชำระหนี้และต้นทุนทางสังคม

เมื่อครัวเรือนมีภาระหนี้สินที่ต้องชำระคืน รายได้สุทธิที่เหลืออยู่สำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ที่สูงขึ้น (Debt Service Ratio) บีบให้ครัวเรือนต้องลดค่าใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น เช่น อาหารที่มีคุณภาพ, ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเงิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของประชาชน งานวิจัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่าหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นสามารถลดทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคตได้ และยังเพิ่มโอกาสและความรุนแรงของวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

นอกจากนี้ การมีหนี้สินจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรที่ต้องกู้ยืมเพื่อการผลิต ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้เมื่อผลผลิตทางการเกษตรเสียหายหรือราคาตกต่ำ สถานการณ์เช่นนี้อาจนำไปสู่การสูญเสียสินทรัพย์ที่ดินทำกิน และยิ่งผลักดันให้ครัวเรือนเข้าสู่ภาวะความยากจนที่รุนแรงขึ้น การวิเคราะห์พบว่ากลุ่มครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้สินส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มอายุยังน้อยและมีรายได้น้อย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประชากรที่เปราะบางที่สุด

6. กรอบยุทธศาสตร์เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

การแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและความยากจนในจังหวัดสกลนครจำเป็นต้องมีแนวทางที่ครอบคลุมและบูรณาการจากหลายภาคส่วน ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องแก้ไขหนี้สินที่มีอยู่ แต่ยังต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อป้องกันการเกิดหนี้สินในอนาคต

6.1 การเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก

แนวทางระยะยาวที่สำคัญคือการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยลดการพึ่งพาพืชเศรษฐกิจหลักเพียงอย่างเดียว มีหลายโครงการในพื้นที่ที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในมิติเหล่านี้
  • วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หวาย : โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านจากการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่การผลิตที่เน้นคุณค่าเพิ่ม สมาชิกสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ร้อยละ 5 และเพิ่มผลผลิตได้ถึงร้อยละ 22 ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และการพัฒนาคุณภาพสินค้าจนได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ทำให้สามารถสร้างรายได้จากสินค้าเกษตรท้องถิ่นได้มากกว่า 16 ล้านบาท
  • โครงการนอนนาแก้จน: โครงการนี้ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงโดยการสนับสนุนให้เกษตรกรกลับไปใช้ชีวิตในที่ดินทำกินเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และเพิ่มรายได้จากการทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นแนวทางที่เน้นการพึ่งพาตนเองและสร้างความมั่นคงทางอาหาร
  • แพลตฟอร์มขจัดความยากจนสกลนคร: แพลตฟอร์มนี้เป็นกลไกที่ทำงานแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำเพื่อแก้ปัญหาความยากจนในหลายมิติ ผ่านโครงการย่อยต่างๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เช่น การปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ๆ อย่าง "กรุงเขมา" หรือการจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง

โครงการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจที่มีความหลากหลายและยั่งยืนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในระดับชุมชน โดยเน้นการยกระดับทักษะ การเข้าถึงเทคโนโลยี และการเชื่อมโยงการผลิตเข้ากับตลาดที่สร้างมูลค่า

6.2 การยกระดับระบบการเงินและการให้ความรู้ทางการเงิน

การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยการปฏิรูประบบการเงินเพื่อทำให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่เป็นธรรมและมีความรับผิดชอบมากขึ้น
  • การแก้ไขปัญหาหนี้สิน: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ดำเนินโครงการเชิงรุกในภาคอีสาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่มีปัญหาหนี้สิน โดยได้ทำงานร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ ภายใต้ “โครงการแก้หนี้เกษตรกรสกลนครโมเดล” โครงการนี้มุ่งเน้นการเก็บข้อมูลทางการเงินของลูกหนี้รายบุคคลเพื่อหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานมหกรรมแก้หนี้ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
  • การส่งเสริมความรู้ทางการเงิน: นอกเหนือจากการแก้หนี้แล้ว การสร้างความรู้และความเข้าใจทางการเงินให้กับประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ธปท. ได้ร่วมกับกองทุนหมู่บ้านและสถาบันการเงินอื่นๆ ในการดำเนิน “โครงการเสริมแกร่งการเงินกองทุนหมู่บ้าน” เพื่อให้ความรู้ด้านการเงินแก่ชุมชน  รวมถึงการจัดอบรมเพื่อเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการเงินทุนของสถาบันการจัดการเงินทุนชุมชนในท้องถิ่น 

การดำเนินการเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของภาครัฐในการสร้างวินัยทางการเงินและเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงินระดับชุมชน เพื่อให้สามารถให้บริการสินเชื่อที่เหมาะสมและช่วยให้ประชาชนวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางที่ 3: สรุปโครงการสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้สินและความยากจน

โครงการ/มาตรการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลักษณะการดำเนินงาน
โครงการแก้หนี้เกษตรกรสกลนครโมเดลธนาคารแห่งประเทศไทย, ธ.ก.ส.การลงพื้นที่เพื่อไกล่เกลี่ยหนี้สินให้กับเกษตรกรรายบุคคล
มหกรรมแก้หนี้สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรมกระทรวงยุติธรรม, ธ.ก.ส.จัดงานไกล่เกลี่ยหนี้สินให้กับลูกหนี้หลากหลายกลุ่ม
แพลตฟอร์มขจัดความยากจนสกลนครบพท., มหาวิทยาลัย, ชุมชนพัฒนาระบบข้อมูลและโครงการย่อยเพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ
วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หวาย 2ชุมชน, หน่วยงานส่งเสริมการเกษตรพัฒนาการผลิตหวายให้ได้มาตรฐานและเพิ่มมูลค่าการตลาด
โครงการเสริมแกร่งการเงินกองทุนหมู่บ้านธนาคารแห่งประเทศไทย, กองทุนหมู่บ้านให้ความรู้ทางการเงินและการบริหารจัดการกองทุนแก่ชุมชน
โครงการนอนนาแก้จนองค์กรท้องถิ่น, ภาคเอกชนส่งเสริมวิถีเกษตรแบบพอเพียงเพื่อลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้

หมายเหตุ: โปรดทราบว่า “สกลนครโมเดล” ยังถูกใช้เรียกโครงการอื่นๆ เช่น การบำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยยาเสพติด ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับโครงการแก้ไขหนี้สินของ ธปท. 18

6.3 ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและการประสานความร่วมมือ

จากข้อมูลและการวิเคราะห์ข้างต้น การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนต้องก้าวข้ามการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาว

  • การบูรณาการข้อมูล: ควรมีการบูรณาการระบบฐานข้อมูลครัวเรือนยากจนและครัวเรือนหนี้สินจากหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถระบุและช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ, สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคมบนแพลตฟอร์มเดียวกัน จะช่วยลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  • การเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม: ควรพิจารณามาตรการส่งเสริมให้สถาบันการเงินหลักสามารถปล่อยสินเชื่อขนาดเล็กให้กับประชาชนในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนสามารถหลุดพ้นจากวังวนของเงินกู้นอกระบบ
  • นโยบายการเกษตรที่ยืดหยุ่น: รัฐควรมีนโยบายที่ส่งเสริมการทำเกษตรแบบผสมผสานและยั่งยืน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาและผลผลิต พร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าถึงตลาดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกร

7. บทสรุป: เส้นทางสู่ความมั่นคงทางการเงินอย่างแท้จริง

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในจังหวัดสกลนครเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจฐานรากที่ยังคงพึ่งพารายได้ที่ไม่แน่นอน แม้จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ แต่ผลประโยชน์กลับไม่กระจายไปสู่ครัวเรือนฐานรากอย่างทั่วถึง ทำให้เกิดภาระหนี้สินเพื่อการบริโภคที่สูงซึ่งเป็นสัญญาณของความตึงตัวทางการเงินที่น่ากังวล

การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนจึงไม่ใช่เพียงแค่การลดหนี้ที่มีอยู่ แต่เป็นการสร้างกลไกที่สามารถป้องกันการเกิดหนี้ในอนาคต ซึ่งต้องอาศัยการดำเนินการในสามระดับ:
  • ระดับครัวเรือน: การส่งเสริมการสร้างรายได้ที่หลากหลายและยั่งยืนผ่านโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จ เช่น การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนและการทำเกษตรมูลค่าเพิ่ม
  • ระดับชุมชน: การเสริมความแข็งแกร่งของสถาบันการเงินในระดับชุมชน เช่น กองทุนหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม และ
  • ระดับนโยบาย: การสร้างกรอบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคส่วนต่างๆ เพื่อใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพในการกำหนดเป้าหมายการช่วยเหลืออย่างแม่นยำและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างวินัยทางการเงิน

การเผชิญหน้ากับความท้าทายนี้จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเปลี่ยนผ่านจากวังวนของหนี้และความยากจนไปสู่ความมั่นคงทางการเงินที่ยั่งยืน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของจังหวัดสกลนครในระยะยาวอย่างแท้จริง

แผนภูมินี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของหนี้สินครัวเรือนในจังหวัดสกลนคร ตามประเภทต่าง ๆ ระหว่าง ปี 2560-2566 โดยเน้นให้เห็นถึงหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลา

อ้างอิง


ขอบคุณข้อมูลจาก
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า