สกลนครเผชิญกับความยากจนหลายมิติ ปัญหาเชิงโครงสร้างและภัยธรรมชาติ ฉุดรั้งการพัฒนา

สกลนครเผชิญกับความยากจนหลายมิติ ปัญหาเชิงโครงสร้างและภัยธรรมชาติ ฉุดรั้งการพัฒนา

เรื่อง : แตงโม สกลนคร | Infographic ความยากจนหลายมิติ

รายงานการวิเคราะห์ความยากจนหลายมิติในจังหวัดสกลนคร: บทวิเคราะห์เชิงลึกและกรอบยุทธศาสตร์เพื่อการบรรเทาความยากจนอย่างยั่งยืน

ความยากจนในจังหวัดสกลนครไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดจากรายได้ต่ำเพียงด้านเดียว แต่เป็นปรากฏการณ์เชิงซ้อนที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ของความเปราะบางทางเศรษฐกิจ ความเสื่อมถอยทางสังคม และอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่หยั่งรากลึก รายงานฉบับนี้ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อฉายภาพความท้าทายที่ซับซ้อนนี้อย่างเป็นระบบ พบว่าเศรษฐกิจของจังหวัด ซึ่งพึ่งพาภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก มีความเปราะบางสูงเนื่องจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและแรงงานสูงวัย ขณะที่โครงสร้างประชากรประสบปัญหาการย้ายถิ่นของแรงงานวัยหนุ่มสาว ทำให้เกิด "ครัวเรือนแหว่งกลาง" ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทุนมนุษย์ในระยะยาว นอกจากนี้ ปัญหาด้านกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นอุปสรรคเชิงโครงสร้างมายาวนาน ยังคงบ่อนทำลายความมั่นคงในการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก แม้ว่าจะมีความพยายามจากภาครัฐและภาคประชาสังคมผ่านแพลตฟอร์มการแก้ปัญหาความยากจนแบบบูรณาการ แต่การขาดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพในระดับปฏิบัติการยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ การวิเคราะห์สรุปได้ว่า การบรรเทาความยากจนในสกลนครอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องใช้กรอบยุทธศาสตร์แบบองค์รวมที่มุ่งแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และโครงสร้างควบคู่กันไป

1. บทนำ: การทำความเข้าใจความยากจนหลายมิติในจังหวัดสกลนคร

แนวคิดเรื่องความยากจนหลายมิติได้ขยายขอบเขตการพิจารณาออกไปนอกเหนือจากรายได้และกำลังซื้อเพียงอย่างเดียว โดยครอบคลุมถึงการขาดแคลนโอกาส การเข้าถึงทรัพยากร และสวัสดิการทางสังคมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างมีศักยภาพ กรอบการวิเคราะห์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจสถานการณ์ในจังหวัดสกลนคร เนื่องจากปัญหาความยากจนในพื้นที่ไม่ได้เป็นผลมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลพวงจากความท้าทายเชิงโครงสร้างและทางสังคมที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง

จังหวัดสกลนครมีประชากรทั้งสิ้น 1,145,187 คน ณ เดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งจัดอยู่ในลำดับที่ 36 ของประเทศ จากการสำรวจพบว่ามีครัวเรือนที่เข้าข่ายยากจนจริงจำนวน 12,384 ครัวเรือน และมีสมาชิกในครัวเรือนดังกล่าวรวม 66,536 คน รายงานนี้ได้ทำการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างโดยบูรณาการข้อมูลจากหลายภาคส่วน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ เพื่อระบุสาเหตุรากเหง้าของปัญหาความยากจนในสกลนคร และประเมินประสิทธิผลของนโยบายปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอภาพที่ครอบคลุมและรอบด้านสำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเชิงนโยบายในอนาคต

2. รากฐานทางเศรษฐกิจของความยากจน: ความเปราะบางและความผันผวน

การวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจของจังหวัดสกลนครแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างที่ขาดความมั่นคง ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากอยู่ในสภาวะที่เปราะบางต่อความผันผวนภายนอกและต้องพึ่งพากลไกการเอาตัวรอดที่ไม่ยั่งยืน

2.1 การวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์มหภาคและภาวะการเงินของครัวเรือน

ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) และรายได้ต่อหัวต่อปีของประชากรสะท้อนถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจที่จำกัดของสกลนคร ในปี พ.ศ. 2565 ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดมีมูลค่า 70,457 ล้านบาท ขณะที่รายได้ประชากรต่อหัว (GPP per capita) ในปี พ.ศ. 2564 อยู่ที่ 72,117 บาท เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับจังหวัดใกล้เคียง จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขรายได้เฉลี่ยนี้มีความน่ากังวลเป็นอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือน ข้อมูลจากปี พ.ศ. 2565 ระบุว่าครัวเรือนในสกลนครมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 17,236 บาท ซึ่งคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปีประมาณ 206,832 บาท ตัวเลขนี้สูงกว่า GPP per capita ของจังหวัดอย่างมาก ความแตกต่างที่สำคัญนี้ชี้ให้เห็นว่ารายได้จากการผลิตในท้องถิ่นไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ทำให้ครัวเรือนจำนวนมากต้องพึ่งพาแหล่งรายได้อื่นนอกเหนือจากการทำงานในพื้นที่ เช่น เงินส่งกลับจากแรงงานที่ย้ายถิ่นไปทำงานในเมืองใหญ่ หรือการกู้ยืมและก่อหนี้... ความยากจนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ยั่งยืนและถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นต่อไป

2.2 ภาคเกษตรกรรม: จุดแข็งที่มาพร้อมกับความเปราะบาง

ภาคเกษตรกรรมถือเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจจังหวัดสกลนคร โดยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 25.7 ของ GPP ผลิตภัณฑ์สำคัญของจังหวัด เช่น เนื้อโคขุนโพนยางคำ และผ้าย้อมคราม สามารถสร้างรายได้ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ภาคเกษตรกรรมในพื้นที่กลับเผชิญกับข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่สำคัญหลายประการ

  • ปัญหาแรงงานสูงอายุ: แรงงานภาคเกษตรกรรมมีอายุเฉลี่ยสูงถึง 62.5 ปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต
  • ความผันผวนของราคา: ผลผลิตมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาในตลาดโลก (เช่น ราคาเนื้อโคขุนโพนยางคำมีแนวโน้มลดลง)

ภาวะเศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรมของสกลนครจึงอยู่ในสภาวะที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง: ในด้านหนึ่งมีศักยภาพในการสร้างรายได้สูง แต่ในอีกด้านหนึ่งกลับถูกบั่นทอนด้วยปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง

ตารางที่ 1: ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและประชากรที่สำคัญของจังหวัดสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง

จังหวัด ประชากร (คน) GPP (ล้านบาท) GPP Per Capita (บาท/คน/ปี) ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเฉลี่ย (บาท/เดือน) ภาคเศรษฐกิจหลัก
สกลนคร 1,145,187 (2565) 70,457 (2565) 72,117 (2564) 17,236 (2565) เกษตรกรรม (25.7%)
ขอนแก่น - - 124,729 (2562) - การค้า/บริการท่องเที่ยว
กาฬสินธุ์ - - 73,587 (2562) - -
ร้อยเอ็ด - - 73,567 (2562) - -

3. โครงสร้างทางสังคม: ผลกระทบเชิงมนุษย์และปัญหาความยากจนข้ามรุ่น

3.1 การเปลี่ยนแปลงทางประชากรและปรากฏการณ์ "ครัวเรือนแหว่งกลาง"

ปัญหาการย้ายถิ่นของแรงงานวัยหนุ่มสาวส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ครัวเรือนแหว่งกลาง" ซึ่งเป็นสภาพที่พ่อแม่วัยทำงานส่วนหนึ่งต้องออกจากพื้นที่เพื่อหารายได้ ทิ้งให้ผู้สูงอายุและเด็กต้องดูแลกันเอง ปรากฏการณ์นี้เป็นบ่อเกิดของปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

  • การขาดการดูแลจากพ่อแม่ส่งผลกระทบในเชิงลึกต่อพัฒนาการของเด็กและโอกาสทางการศึกษา
  • ครัวเรือนยากจนพิเศษมีรายได้เฉลี่ยเพียง 34 บาทต่อวัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการครอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาหลายประเภท

วงจรนี้ชี้ให้เห็นว่าความยากจนในสกลนครเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างต่อเนื่อง

3.2 ปัญหาสาธารณสุขและความเปราะบางทางสังคม

ความยากจนยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อปัญหาสุขภาพและสังคม:

  • มีการเพิ่มขึ้นของ ผู้ป่วยสุขภาพจิตและผู้ป่วยจิตเวช รวมถึง คนเร่ร่อนไร้บ้าน
  • ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น อัตราการคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15-19 ปี อยู่ที่ 44.8 ต่อประชากรหญิง 1,000 คน ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับปรากฏการณ์ครัวเรือนแหว่งกลางและการขาดโอกาสทางการศึกษาที่ดี

4. อุปสรรคเชิงโครงสร้างและสิ่งแวดล้อม: ปัญหาที่แก้ไขได้ยาก

4.1 ปัญหาที่ดิน: ข้อพิพาทที่ยืดเยื้อและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา

ปัญหาด้านกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยาวนานที่สุด โดยเฉพาะข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดินรอบ หนองหาร ที่ทับซ้อนกับแนวเขตพื้นที่ราชพัสดุ ทำให้ชาวบ้านกว่า 15,000 ครอบครัว ต้องเผชิญกับความกังวล ... ปัญหาข้อพิพาทที่ดินจึงเป็นอุปสรรคเชิงโครงสร้างที่บ่อนทำลายความมั่นคงในชีวิตของผู้คนอย่างเป็นรูปธรรม

4.2 ความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรธรรมชาติ

ปัญหาดินเค็มเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคเชิงสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจของจังหวัด:

  • พื้นที่ประมาณร้อยละ 47.24 หรือกว่า 2,836,163 ไร่ ประสบปัญหาดินเค็มในระดับปานกลาง
  • การขาดทุนจากการทำนาข้าว (พืชเศรษฐกิจหลัก) นำไปสู่วงจรหนี้สิน และผลักดันให้คนวัยทำงานต้องย้ายถิ่นฐาน

5. นโยบายและการบริหารจัดการ: การประเมินภูมิทัศน์ของโครงการริเริ่มต่างๆ

5.1 "แพลตฟอร์มขจัดความยากจนสกลนคร": กระบวนทัศน์ใหม่ที่ยังต้องพิสูจน์ผล

การจัดตั้ง "แพลตฟอร์มขจัดความยากจนสกลนคร" โดยใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน ("One Data, One Plan") และมีมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครเป็นกลไกสำคัญ เป็นความพยายามเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจ "กุดบากโมเดล" ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ได้รายงานผลลัพธ์เบื้องต้นที่น่าพอใจ เช่น ครัวเรือนเป้าหมายมีทักษะอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 20 อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานยังคงเผชิญกับความท้าทายจากระบบราชการแบบเก่าและการขาดอำนาจที่ชัดเจนในการตัดสินใจระหว่างหน่วยงาน

5.2 การประเมินโครงการพัฒนาที่สำคัญ

โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 (เต่างอย): เป็นตัวอย่างของกิจการเพื่อสังคมที่ช่วยยกระดับผลผลิตทางการเกษตร สร้างรายได้และงานในท้องถิ่น

นโยบายแก้หนี้: โครงการแก้หนี้เกษตรกรสกลนครโมเดล และโครงการพักชำระหนี้ มักเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการชำระหนี้ในระยะยาว

ตารางที่ 2: มิติของความยากจนในจังหวัดสกลนคร: สรุปข้อมูลสำคัญ

มิติความยากจน ความท้าทายหลัก ข้อมูล/ผลลัพธ์ที่สนับสนุน
เศรษฐกิจ รายได้ต่ำกว่าค่าครองชีพ, วงจรหนี้สิน, ภาคเกษตรเปราะบาง GPP per capita (72,117 บาท/ปี) ต่ำกว่าค่าใช้จ่ายครัวเรือน (206,832 บาท/ปี), เกษตรกรส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ย 62.5 ปี
สังคม การย้ายถิ่นของแรงงาน, "ครัวเรือนแหว่งกลาง", ปัญหาสาธารณสุข แรงงานวัยหนุ่มสาวส่วนใหญ่ย้ายออกจากพื้นที่, อัตราการคลอดมีชีพในหญิงวัยรุ่นสูง (44.8 ต่อ 1,000 คน), ครัวเรือนยากจนพิเศษมีรายได้เพียง 34 บาท/วัน
โครงสร้าง ข้อพิพาทที่ดิน, ปัญหาดินเค็ม, ความไม่ชัดเจนด้านนโยบาย ชาวบ้านกว่า 15,000 ครอบครัวกังวลเรื่องการเช่าที่ดินรอบหนองหาน, พื้นที่ 47.24% ของจังหวัดมีปัญหาดินเค็ม
บริหารจัดการ กลไกแบบแยกส่วน, การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม หน่วยงานต่างๆ ทำงานแยกกัน, คนจนมีภาระสูงในการเข้าถึงกระบวนการทางกฎหมายเพื่อต่อสู้คดีที่ดิน

6. บทสรุปและข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์

6.1 บทสรุปการวิเคราะห์

ความยากจนในจังหวัดสกลนครเป็นปัญหาที่หยั่งรากลึกและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ การแก้ปัญหาต้องอาศัยแนวทางที่ครอบคลุมและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในทุกมิติ

6.2 ข้อเสนอแนะเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

  • ด้านเศรษฐกิจ: ส่งเสริมการเกษตรมูลค่าสูงและยืดหยุ่น (ขยายผลโมเดลโรงงานหลวงดอยคำ), กระจายอาชีพและทักษะนอกภาคการเกษตร
  • ด้านสังคมและทุนมนุษย์: สนับสนุน "ครัวเรือนแหว่งกลาง" อย่างเป็นระบบ, เพิ่มอัตราเงินอุดหนุนการศึกษาให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ
  • ด้านโครงสร้างและสิ่งแวดล้อม: เร่งรัดการแก้ปัญหาที่ดินหนองหานเป็นวาระแห่งชาติ, ขยายโครงการฟื้นฟูดินเค็มและพัฒนาแหล่งน้ำ
  • ด้านการบริหารจัดการ: เสริมสร้าง "Sakon Nakhon Poverty Platform" ให้มีอำนาจและเป็นกลไกการประสานงานอย่างแท้จริง

ตารางที่ 3: การประเมินโครงการบรรเทาความยากจนที่สำคัญ

โครงการ/นโยบาย วัตถุประสงค์ ความท้าทายที่พบ
แพลตฟอร์มแก้จนสกลนคร ยกระดับกลไกความร่วมมือเพื่อขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จ ยังคงต้องดำเนินการควบคู่กับระบบราชการแบบเก่าที่แยกส่วน
โครงการพัฒนาหนองหาน ปรับปรุงภูมิทัศน์และยกระดับการท่องเที่ยว เกิดความล่าช้าจากการขาดการบูรณาการ และไม่สอดคล้องกับปัญหาเร่งด่วนเรื่องที่ดินของประชาชน
นโยบายแก้หนี้เกษตรกร ช่วยเหลือเกษตรกรในการลดภาระหนี้ เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ได้มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ที่เพียงพอ


ภายใต้โครงการ : การพัฒนาและยกระดับจังหวัดสกลนครสู่พื้นที่วิจัยยุทธศาสตร์เพื่อขจัดความยากจน และสร้างโอกาสทางสังคมด้วยวิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ปี 2567

แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

เกี่ยวกับ: Sakon Nakhon Poverty Platform แพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดสกลนคร

แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า

เกี่ยวกับแพลตฟอร์มแก้จน Sakon Nakhon Poverty Platform

Sakon Nakhon Poverty Platform