เรื่อง: แตงโม สกลนคร
ท่ามกลางแสงสีส้มของเช้าวันที่ 27 เมษายน 2567 ณ บ้านดงสาร ตำบลโพนงาม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร อุณหภูมิที่พุ่งสูงถึง 42.6 องศาเซลเซียส ได้ทำลายสถิติเดิมอย่างน่าตกใจ สภาพอากาศที่ร้อนระอุนี้ไม่ใช่ปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่เป็นสัญญาณอันน่ากังวลของภาวะ โลกเดือด ที่กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิถีชีวิตของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนที่เปราะบางทางเศรษฐกิจและพึ่งพาธรรมชาติในการดำรงชีพ เช่น ชาวบ้านดงสาร ที่ผูกพันกับ ป่าบุ่งป่าทาม และมี วิถีชีวิตคนกับความทาม เป็นเอกลักษณ์
บทความนี้จะเจาะลึกถึงผลกระทบของภาวะโลกเดือดต่อความยากจนและวิถีชีวิตของชาวบ้านดงสาร โดยอ้างอิงจากสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น และนำเสนอภาพสะท้อนความท้าทายที่ชุมชนกำลังเผชิญ รวมถึงข้อเสนอแนะเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว
ผลกระทบของโลกเดือดต่อวิถีชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนดงสาร
ความร้อนระอุ: ภัยคุกคามต่อสุขภาพและการทำงาน
อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและความสามารถในการทำงานของชาวบ้านดงสาร ดังที่พ่อเด่น ณัฐฏพล ได้สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากในชีวิตประจำวัน
- ทานข้าวได้น้อย พักผ่อนได้น้อย: ความร้อนจัดทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และนอนหลับไม่สนิท ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม
- ทำงานกลางแจ้งได้น้อยลง: อาชีพหลักของชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการทำงานกลางแจ้ง เช่น การทำนา การหาของป่า หรือการรับจ้าง เมื่อสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้รายได้ลดลงอย่างมาก

ผลกระทบต่อภาคการเกษตรและปศุสัตว์: ความเสียหายที่มองเห็นได้
วิถีชีวิตของชาวบ้านดงสาร ผูกพันอย่างใกล้ชิดกับการเกษตรและปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลี้ยง ควายทาม ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น ภาวะโลกเดือดได้สร้างความเสียหายต่อภาคส่วนนี้อย่างชัดเจน
- หมูที่ชาวบ้านเลี้ยงตาย: สัตว์เลี้ยง เช่น หมู ไม่สามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้ ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจแก่ครัวเรือน
- ควายทามกินหญ้าได้น้อยลง ทนแดดไม่ไหว: ควายทาม ซึ่งเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของ ป่าบุ่งป่าทาม ได้ดี ยังได้รับผลกระทบจากความร้อนจัด ทำให้กินหญ้าได้น้อยลง สุขภาพอ่อนแอลง และอาจส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาว เนื่องจากควายยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำนา
- ความเปลี่ยนแปลงของป่าบุ่งป่าทาม: อุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของ ป่าบุ่งป่าทาม แหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ รวมถึงพืชพรรณที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ หากความสมดุลของระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลกระทบต่อ วิถีชีวิตคนกับความทาม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น: วิกฤตซ้ำเติมความยากจน
นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพและการประกอบอาชีพแล้ว ภาวะโลกเดือดยังผลักดันให้ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของชาวบ้านดงสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- ค่าน้ำ ค่าไฟ: การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อคลายร้อน เช่น พัดลม มีความจำเป็นมากขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น ในขณะที่แหล่งน้ำธรรมชาติอาจได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ต้องซื้อน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค
- เครื่องดื่มชูกำลัง ยารักษาโรค: ความอ่อนเพลียจากความร้อนอาจทำให้ต้องพึ่งพาเครื่องดื่มชูกำลัง ในขณะที่ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับความร้อนก็อาจเพิ่มขึ้น ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านยารักษาโรค
- ค่าน้ำแข็ง: ข้อมูลที่น่าตกใจคือ หลายครัวเรือนต้องเสียค่าน้ำแข็งอย่างน้อยวันละ 30 บาท หรือเดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาท (เฉพาะผู้ที่อยู่บ้าน) ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้งสำหรับครอบครัวที่มีรายได้น้อย
ผลกระทบต่อผู้ที่ออกไปทำงานรับจ้าง แม้แต่ผู้ที่ออกไปทำงานรับจ้างนอกชุมชนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาวะโลกเดือดได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ หรืออาจต้องหยุดงานชั่วคราว ส่งผลให้รายได้ที่คาดหวังลดลง
ข้อเสนอแนะและความต้องการของชุมชน
เสียงสะท้อนจากชาวบ้าน: ความหวังและการเรียกร้องความช่วยเหลือ
จากสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชาวบ้านดงสารได้แสดงความต้องการและความหวังที่จะได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- การส่งเสริมอาชีพและตลาดที่ทำกิจกรรมในอาคาร (งดกลางแจ้ง): ชาวบ้านต้องการทางเลือกในการประกอบอาชีพที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด เช่น การส่งเสริมงานฝีมือ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หรือการสนับสนุนตลาดชุมชนในร่ม
- จัดสวัสดิการโรงผลิตน้ำแข็งในชุมชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน: การมีโรงผลิตน้ำแข็งในชุมชนจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบรรเทาความร้อนในชีวิตประจำวัน
แนวทางการบรรเทาผลกระทบจากโลกเดือดอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการช่วยเหลือเฉพาะหน้า การแก้ไขปัญหาในระยะยาวจำเป็นต้องมีแนวทางที่ยั่งยืนและครอบคลุม
- การอนุรักษ์และฟื้นฟู ป่าบุ่งป่าทาม: ป่าบุ่งป่าทาม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศในพื้นที่ การอนุรักษ์และฟื้นฟูผืนป่าจะช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้งและบรรเทาความร้อนในระยะยาว
- การส่งเสริมการปรับตัวทางการเกษตร: สนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การปลูกพืชที่ทนทานต่อความร้อน การจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
- การสนับสนุนพลังงานทางเลือก: การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ จะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกเดือด
- การสร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน: การให้ความรู้แก่ชาวบ้านเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกเดือด และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จะนำไปสู่แนวทางการจัดการที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน
สภาวะ โลกเดือด กำลังส่งผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อ วิถีชีวิตคนกับความทาม ของชาวบ้านดงสาร ความร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้กัดกร่อนสุขภาพ ลดทอนโอกาสในการประกอบอาชีพ และเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซ้ำเติมปัญหาความยากจนที่ชุมชนเผชิญอยู่
การอนุรักษ์ ป่าบุ่งป่าทาม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบนิเวศและวิถีชีวิตชุมชน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอาชีพทางเลือก การลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และการส่งเสริมการปรับตัวทางการเกษตร เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการบรรเทาผลกระทบและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนดงสาร การรับฟังเสียงสะท้อนและความต้องการของชาวบ้าน และการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะเป็นกุญแจสำคัญในการก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้
ทั้งนี้ นักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทีมปฏิบัติการโมเดลแก้จนเกษตรมูลค่าสูง ฯ ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ในอาคารหรือในสถานที่มีร่ม ได้แก่ โมเดลแปรรูปสบู่สมุนไพร โมเดลชุมชนเห็ดเศรษฐกิจ สนับสนุนทุนวิจัยโดย หน่วย บพท.


เรียบเรียงโดย : สมชาย เครือคำ (แตงโม สกลนคร)
ดำเนินการ : โครงการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตเกษตรมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ติดตามได้ที่ งานยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ