"ดงสารรักษ์ทุ่งพันขัน" องค์ความรู้ทำนาปรัง สู่ยุคเผยแพร่

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566


"เกือบตายทิ้งใส่นาเห็นผลกับตัวเอง ข้าว 1 เมล็ดแตกกอเพิ่มถึง 18 ต้น อยากให้สมาชิกทุกคนคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ด้วยตะแกรงร่อน ก่อนลงหว่านข้าวนาปรังปีนี้ ถ้าไม่เชื่อให้ทดลองเทียบกันระหว่างแปลงที่คัดเมล็ดกับแปลงที่ไม่คัดเมล็ด" พ่อเด่น ณัฏฐพล นิพันธ์

การแนะนำเทคโนโลยีคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่สมบรูณ์ บอกต่อองค์ความรู้ภายในชุมชนก่อนลงทำนาปรัง เห็นผลการเปลี่ยนแปลงจากที่ใช้ตะแกรงร่อน เป็นขั้นตอนสำคัญที่อยากให้เกิดขึ้น ในเวทีคืนข้อมูลการวิจัย และหารือแนวทางการดำเนินงานวิจัยในปีนี้

นักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทีมปฏิบัติการโมเดลแก้จน “คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” ลงพื้นที่จัดเวทีเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2566 ณ ศาลาประชาคม บ.ดงสาร ต.โพนงาม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร มีผู้เข้าร่วม 60 คน ประกอบด้วย กลุ่มเป้าหมาย ทีมพี่เลี้ยง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และนักศึกษาวิศวกรสังคม 

อ.สายฝน ปุนหาวงศ์ หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ปี 2565 มีผู้เข้าร่วม 30 คน เกิดแปลงปลูกเมล็ดพันธุ์ข้าวพื้นที่ 40 ไร่ สมาชิกมีข้อตกลงคืนเมล็ดพันธุ์ข้าวไร่ละ 25 กิโลกรัม / 1 กระสอบ หรือเป็นเงิน 300 บาท รวบรวมเป็นกองทุนเมล็ดพันธุ์ข้าว มีเทคโนโลยี "ตะแกร่งร่อน" คัดเมล็ดพันธุ์อย่างง่ายใช้

อ.สายฝน กล่าวต่อว่า ในปี 2566 ได้รับทุนวิจัยต่อเนื่อง กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเป็น 55 คน (ครัวเรือนเป้าหมาย 50, พี่เลี้ยง 5) มีพื้นที่แปลงปลูกอย่างน้อย 55 ไร่ และแปลงต้นแบบ ยกระดับการดำเนินงาน ได้แก่ ตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว การดูแลติดตามแปลงปลูก การเพิ่มมูลค่าแปรรูป “ข้าวเม่า” เชื่อมบ้านนายอ พัฒนาเป็นแหล่งการท่องเที่ยวชุมชน โดย local alike “พิพิธภัณฑ์เกษตรมีชีวิต” และเสนอโครงการเข้าสู่แผนพัฒนาท้องถิ่นตำบลโพนงาม

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

สุวรรณ บงศ์บุตร (ครูแดง) พี่เลี้ยงและอนาคตประธานวิสาหกิจชุมชน สรุปข้อตกลงการทำนาปรังกับสมาชิกว่า "กองทุนเมล็ดพันธุ์ข้าว สมาชิกทั้งหมดคืนเงินสดปัจจุบันมีเงินทุน 12,000 บาท ในฤดูกาลผลิต 2566 นี้ สมาชิกเปลี่ยนแปลงข้อตกลงคืนเมล็ดพันธุ์ข้าว ไร่ละ 60 ก.ก. / 2 กระสอบ หรือเป็นเงิน 600 บาท คาดการณ์มีทุนเพิ่ม 3,300 ก.ก. หรือเงิน 33,000 บาท ส่วนการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนจะยื่นจดทะเบียนเดือนมกราคม 2567 รูปแบบดำเนินการครอบคลุมหลายอาชีพ หรือเป็นกลุ่มโดยชุมชนเพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต"

ณัฏฐพล นิพันธ์ (พ่อเด่น) พี่เลี้ยงกล่าวย้ำการทำนาปรังแก้จนมาถูกทางแล้ว "ชาวดงสารรู้ว่าทำนาปรังข้าวแข็ง ต้นทุนแพง ขายถูก ขาดทุน แต่จำเป็นต้องทำ พื้นที่ชนบทไม่มีอาชีพอย่างอื่นให้รับจ้าง จะไปทำงานต่างถิ่นก็อายุมากแล้ว ถ้ามีผู้รับประกันว่าเปลี่ยนอาชีพอื่นจะมีเงินซื้อข้าว เพียงพอให้ครัวเรือนมีกินและเลี้ยงสัตว์ตลอดทั้งปีได้ก็ยินดีที่จะเปลี่ยน ดงสารเคยหาของป่าไปขอข้าวกิน จึงรู้รสชาติความยากจนไม่น่าทดลอง แต่ปัจจุบันเริ่มมีหลายครัวเรือนปลูกข้าวโพด ถั่วลิสง ฟักทอง ขายภายในชุมชน"

"ขอบคุณอาจารย์สายฝนที่แนะนำ อยากให้พัฒนาเพิ่มเนื่องจากแต่ละครั้งร่อนได้ประมาณ 500 กรัม ใช้เวลา 2-3 นาที กว่าจะเสร็จ 1 กระสอบ ใช้เวลาพอสมควร ที่สำคัญใช้กำลังแขนมากจนปวดเมื่อย ถ้าพัฒนาใช้กับไฟฟ้าได้จะประหยัดแรงงาน" พ่อเด่นแนะนำเทคโนโลยีคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับสมาชิก

 

พ่อเด่น บ้านดงสาร ประชุมทำนาปรังปี 2566

ความอุดมสมบูรณ์ที่ได้สัมผัสถ้าชุมชนไม่รวมพลังรักษาไว้ ปัจจุบัน “ทุ่งพันขัน” คงไม่มีพิกัดอยู่บ้านดงสาร ขอประกาศเกียรติคุณ ศ.(ศาสตร์)ดงสาร ให้เหล่าผู้ก่อการดีนักวิจัยไทบ้าน ยังเข้มแข็งและดุดันเกินแรงม้า เป็นแบบอย่างการนำพลังความรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์มาแก้ไขปัญหาชุมชนโดยชุมชน กับผลงานวิจัย "การนำภูมิปัญญาไทบ้านสู่กระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทุ่งพันขัน บ.ดงสาร ต.โพนงาม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร" สุดคลาสสิกถล่มมารผ่านการพัฒนามาถึง 3 ยุค ได้แก่

  • ยุคแรก ทวงคืนแผ่นดินทุ่งพันขัน ก่อนพ.ศ.2538 บริษัทอุตสาหกรรมเข้ามากว้านซื้อที่ดินกับชาวบ้านด้วยวิธีบีบบังคับทางอ้อม
  • ยุคสอง การฟื้นฟูและพัฒนา ช่วงพ.ศ.2547 เกิดวังอนุรักษ์ เขตสงวน ธรรมนูญชุมชน การจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านทำนาปรัง
  • ยุคสาม สืบทอดเผยแพร่ ช่วงพ.ศ.2565 ดงสารโมเดล “พิพิธภัณฑ์เกษตรมีชีวิต” ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร

"ทุ่งพันขัน" มากกว่า 4,000 ไร่ ก่อนหน้านี้แม่น้ำสงครามหลากขึ้นมาท่วมพื้นที่ทั้งหมด ปัจจุบันน้ำลดลงแล้วถือเป็นการเข้าสู่ฤดูกาลทำ "นาปรัง" ของเกษตรกรบ้านดงสาร มีทั้งหมดประมาณ 350 ครัวเรือน กำลังอยู่ในขั้นตอนตากดินฆ่าเชื้อราในแปลง ได้วางแผนเริ่มหว่านกล้าปลายเดือนพฤศจิกายนนี้

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

นักวิจัยและชาวบ้านดงสาร ได้ร่วมกันสรุปบทเรียนและวางแผนปฏิบัติการโมเดลแก้จน 3 ปี ดังนี้

  • งานปีแรก อยู่ระดับการศึกษาทดลองและสร้างความเข้าใจการมีส่วนร่วมกับชุมชน จะเห็นแกนนำ ผู้อยู่เบื้องหลัง
  • ปีที่สอง ซึ่งกำลังดำเนินงาน เริ่มจัดทำข้อมูลเพื่อหารือภาคีมาร่วมงาน จะเห็นการกำหนดโจทย์พัฒนาร่วมกับชุมชนและสื่อสารช่วยเหลือกัน จะเห็นการจัดลำดับความสำคัญงาน การพัฒนานวัตกรรมเหมาะกับพื้นที่ใช้ได้จริง และสร้างกลไกทำงานเป็นกลุ่มทางการ
  • ส่วนปีที่สาม ชุมชนจะเริ่มระดมทุนนำร่องเดินเครื่องเศรษฐกิจทั้งต้น กลาง ปลาย พร้อมกับพัฒนาศักยภาพของคนและเผยแพร่องค์ความรู้ พัฒนาและยกระดับงานต่อเนื่อง

"ภาพอนาคตของบ้านดงสารที่ร่วมกันออกแบบ งานวิจัยได้ถางร่องรอยทางเดินไว้ทั้ง ต้น กลาง ปลาย ขอให้ทุกคนวาดภาพเพิ่มไว้ตรงหัวใจให้ชัด เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับผู้คนที่จะช่วยพัฒนางานได้ ให้ฉายภาพนั้นออกมาจากใจ" สมชาย เครือคำ ผู้ช่วยนักวิจัย ชวนกลุ่มเป้าหมายและชาวบ้านบอกต่อการพัฒนา

“คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว” ปฏิบัติการโมเดลแก้จน โครงการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตเกษตรมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับเพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดสกลนคร มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร สนับสนุนการวิจัยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)


ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

ชาวบ้านดงสาร ประชุมทำนาปรัง ปี 2566

เรียบเรียงโดย : สมชาย เครือคำ (แตงโม สกลนคร)
ดำเนินการ : โครงการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตเกษตรมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ติดตามได้ที่ blogOnepoverty และ blockdit และ Facebook
แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ติดตามได้ที่ งานยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ

แหล่งอ้างอิง
1. การนำภูมิปัญญาไทบ้านสู่กระบวนการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทุ่งพันขัน บ้านดงสาร ตำบลโพนงาม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร (สุวรรณ บงศ์บุตร, 2546) https://elibrary.tsri.or.th/project_contentTRFN.asp?PJID=RDG46E0006
2.แหล่งที่มา : หนังสือ 60 ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดย กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2542 (https://irre.ku.ac.th/books/pdf/140.pdf ) หรือ (https://www.blockdit.com/posts/64e250c32553f8096fe4791e)
{fullWidth}
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า