
ภัยพิบัติ ทางธรรมชาติและความ
ยากจน มักเป็นสองประเด็นนี้ที่เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง และบ่อยครั้งก็ซ้ำเติมซึ่งกันและกันจนกลายเป็นวงจรที่ยากจะหลุดพ้น
การทำงานในพื้นที่ “แตงโม” ได้พบกับเรื่องราวมากมายที่ทั้งท้าทายและสร้าง แรงบันดาลใจ
อย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คน
แต่ท่ามกลางความยากลำบากเหล่านั้น เรายังได้เห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการ พัฒนาคน
โดยเฉพาะการ โค้ชนักศึกษา ให้กลายเป็นกำลังสำคัญที่จะก้าวเข้ามาแก้ไขปัญหาในอนาคต
บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจเบื้องหลังการทำงานด้านภัยพิบัติในเดือนมิถุนายน 2568 ได้แก่ มีการจัดการ ข้อมูล การพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติ สร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือ ไปจนถึงการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความรู้และจิตสำนึกเพื่อสังคม
รากฐานของการเปลี่ยนแปลงคือการจัดการ ข้อมูล เพื่อ “แก้จน”
หัวใจสำคัญของการ แก้จน คือการมี ข้อมูล
ที่ถูกต้องและแม่นยำ
เปรียบเสมือนแผนที่นำทางที่ช่วยให้เราเข้าใจปัญหาและออกแบบแนวทางแก้ไขได้อย่างตรงจุด
- ลงพื้นที่คัดกรองข้อมูลคนจน: การลงพื้นที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชน ทำงานร่วมกับผู้นำท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. ผู้อำนวยการกองสวัสดิการ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นกลไกช่วยให้สามารถคัดกรอง ข้อมูล ครัวเรือนยากจนและการกำหนดตัวชี้วัดความ ยากจน ในระดับพื้นที่ได้อย่างละเอียดอีกทั้งเข้าใจบริบทของแต่ละครอบครัว นี่ไม่ใช่แค่การกรอกตัวเลข แต่เป็นการเข้าไปสัมผัสชีวิตจริงของพวกเขา รับฟังปัญหาและทำความเข้าใจความต้องการที่แท้จริง
- การตรวจสอบความถูกต้อง: การตรวจสอบความสัมพันธ์ของคำตอบจากแบบสอบถามทุกส่วน
แสดงถึงความละเอียดรอบคอบในการวิเคราะห์ ข้อมูล ก่อนนำมาใช้งาน
- บันทึกข้อมูลครัวเรือนในระบบ: โดยเฉพาะครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
ภัยพิบัติ น้ำท่วม ได้รับการบันทึก ข้อมูล อย่างละเอียดในระบบ PPPConnext
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว
ระบบ ข้อมูล เหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้พิการ และผู้เปราะบาง
ซึ่งมักได้รับผลกระทบจาก ภัยพิบัติ รุนแรงกว่ากลุ่มอื่น ๆ

บทเรียนจาก “ภัยพิบัติ” ต้องเร่งสร้างระบบเตือนภัยและเครือข่ายชุมชน
สกลนครเผชิญกับ ภัยพิบัติ น้ำท่วมซ้ำซากมาตลอด
โดยเฉพาะเหตุการณ์ในปี 2560 ที่ยังคงเป็นบทเรียนอันเจ็บปวด
ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างระบบเตือนภัยและสื่อสาร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
- พัฒนา “Soft Tool” คู่ “Hard Tool”:
แม้จะมีการ พัฒนา เครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐาน (Hard
Tool) ด้านการจัดการ ภัยพิบัติ มากมาย
แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญคือ "Soft Tool" หรือการสร้างความร่วมมือที่มีชุมชนเป็นฐาน
การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
จะช่วยให้การอพยพและการรับมือสถานการณ์เป็นไปอย่างราบรื่น
- จัดกิจกรรมและสร้างเครือข่าย: การจัดกิจกรรมพัฒนาชุมชนหรือตามประเพณี
จะทำให้การสื่อสารกระบวนการจัดทำ ข้อมูลภัยพิบัติ โดยเฉพาะครัวเรือนเปราะบางให้ความร่วมมือ
และที่สำคัญงานวิจัยได้สร้าง เครือข่ายผู้ประสานงานชุมชน ในเมืองขึ้นมา
11 คน
ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการเตรียมความพร้อมและช่วยเหลือกันเองเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
พวกเขาคือผู้ช่วยคนแรกที่อยู่ในพื้นที่ รู้จักกันดีในชุมชน และพร้อมจะให้ ข้อมูล
และความช่วยเหลือได้ทันท่วงที
- การถอดบทเรียนน้ำท่วมปี 2568: สถานการณ์น้ำท่วมจากพายุ "หวู่ติบ" ในเดือนมิถุนายน 2568 สะท้อนภาพเหตุการณ์ปี 2560 ที่น่าตกใจอีกครั้ง จึงได้จัดประชุมเพื่อถอดบทเรียน วิเคราะห์ "เหตุการณ์สำคัญ" เชิงเวลา และเติมเต็ม ข้อมูล เชิงพื้นที่เพื่ออธิบายใน "เชิงระบบ - นิเวศลุ่มน้ำ" และรวบรวมข้อเสนอแนะที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง เพื่อนำไปสู่การ พัฒนา แผนรับมืออุทกภัยที่มีประสิทธิภาพ

จุดประกาย “แรงบันดาลใจ” การโค้ชนักศึกษา เพื่อ “พัฒนาคน”
ประสบการณ์การทำงานในพื้นที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การ
แก้จน หรือการรับมือ ภัยพิบัติ เท่านั้น
แต่ยังเป็นโอกาสอันล้ำค่าในการ พัฒนาคน โดยเฉพาะนักศึกษาที่มาช่วยงานเพื่อเตรียมออกฝึกงาน
ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
- การสอนทักษะและมอบหมายงาน: ได้ใช้โอกาสนี้ในการ
ฝึกนักศึกษา อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสอนโปรแกรม Excel และ Google Sheets เพื่อให้นักศึกษาสามารถจัดทำรายชื่อครัวเรือนยากจนและบันทึก
ข้อมูล เพื่อนำไปวิเคราะห์รายงานผล
รวมถึงการสอนการใช้สูตรพื้นฐานและการใช้ PivotTable เพื่อสรุปรายงานการคัดกรอง
ข้อมูล คนจน
- การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง: นักศึกษาได้เรียนรู้จากการลงพื้นที่จริง
ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจพื้นที่น้ำรอระบาย
การพูดคุยกับประธานชุมชนเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์น้ำท่วม
และการเข้าร่วมประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมเมืองสกลนคร
ประสบการณ์ตรงเหล่านี้มีค่ามากกว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน
เพราะมันหล่อหลอมให้พวกเขามีความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง
และเกิดความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา
- “วิศวกรสังคมจิตอาสา”: ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมที่คลี่คลายลงเมื่อวันที่
20 มิถุนายน 2568 ทีมงาน
"วิศวกรสังคมจิตอาสา" ซึ่งประกอบด้วยนักศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชา
ม.ราชภัฏสกลนคร ร่วมกับทหาร มทบ.29 และเจ้าหน้าที่เทศบาล ได้รวมพลังกันกว่า 100
คน เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม กิจกรรมนี้ไม่ใช่แค่การทำความสะอาด
แต่เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้และผู้ช่วยเหลือสังคม

ก้าวต่อไป สร้างสังคมที่ยั่งยืนด้วยความร่วมมือ
การถอดบทเรียนจากระบบ ข้อมูล ครัวเรือน ยากจน
PPPConnext และกำลังเตรียมพัฒนาระบบเตือนภัยและสื่อสารภัยพิบัติ เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาความ
ยากจน ถือเป็นก้าวสำคัญที่ ม.ราชภัฏสกลนคร กำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
- ยกระดับระบบข้อมูล: ทีมวิจัยระบบ ข้อมูล
ได้เข้าร่วมกิจกรรมถอดบทเรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ PPPConnext
โดยมีนักวิจัยผู้ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มขจัดความ ยากจน จาก
20 จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม
เพื่อนำองค์ความรู้และประสบการณ์ไปปรับใช้ในการ พัฒนา กลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงานในจังหวัดสกลนครให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- การสร้างความร่วมมือภาคี เชื่อมโยงปัญหาเข้ากับการแก้ปัญหา: มีการประชุมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคมเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ
ภัยพิบัติ น้ำท่วมในเขตเมืองสกลนคร สะท้อนถึงการทำงานแบบบูรณาการที่ขยายผลจากเขตเมืองไปสู่พื้นที่อื่นๆ
ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ การเข้าพบนายก อบต.โคกก่อง
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของ ภัยพิบัติ น้ำท่วมกับความ
ยากจน เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำเสนอประเด็นที่ซับซ้อนในเชิงความสัมพันธ์
การเชื่อมโยงสาเหตุและผลกระทบเข้าด้วยกัน
จะช่วยให้เข้าใจภาพรวมของปัญหา และเห็นความจำเป็นในการ แก้จน อย่างยั่งยืน
- มหาวิทยาลัยเพื่อท้องถิ่น: งานวิจัยแพลตฟอร์มขจัดความ
ยากจน ที่ ม.ราชภัฏสกลนคร ได้รับทุนสนับสนุนจาก บพท. ต่อเนื่อง
และในปี 2568 นี้ ก็ได้มีบทบาทให้การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและแก้จน
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการสนับสนุนระบบและกลไกการตัดสินใจในการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย
ผู้พิการ และผู้เปราะบาง ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก ภัยพิบัติ อย่างหนักที่สุด
การทำงานต้องอาศัยความเชื่อใจในการทำงานอย่างมาก
.jpg)
เรื่องราวจากพื้นที่จังหวัดสกลนครสะท้อนให้เห็นว่าความ ยากจน และ ภัยพิบัติ เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ แต่ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ข้อมูล ที่แม่นยำคือเครื่องมือสำคัญในการ แก้จน และ ภัยพิบัติ การสร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็งคือรากฐานของการเตรียมพร้อม และการ พัฒนาคน โดยเฉพาะการ โค้ชฝึกนักศึกษา ให้เข้ามาเรียนรู้และลงมือทำจริง คือการสร้าง แรงบันดาลใจ และเมล็ดพันธุ์แห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะเติบโตเป็นพลังสำคัญในอนาคต
การที่มหาวิทยาลัยได้นำนักศึกษาออกมาช่วยเหลือสังคมและร่วมงานจิตอาสา เป็นการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ของการมีจิตสาธารณะ และยังคงยึดมั่นในเอกลักษณ์ของการเป็น "มหาวิทยาลัยเพื่อ พัฒนา ท้องถิ่นที่ให้โอกาส" นี่คือความภาคภูมิใจ และเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่า "ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากเพียงใด หากเราจับมือกันไว้ เราจะผ่านพ้นทุกสิ่งไปได้อย่างแน่นอน"
เกี่ยวข้อง
- กิจกรรม/บทความงานภัยพิบัติ
- Sakon Nakhon Poverty Platform แพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดสกลนคร

.jpg)