
เรื่อง: แตงโม สกลนคร
ในโลกของการพัฒนาชุมชนและสังคม คำว่า "หน้าที่" เป็นเหมือนเสาหลักที่ค้ำจุนภารกิจต่างๆ แต่จะมีบุคคลสักกี่คนกันที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของคำว่าหน้าที่ ไปสู่สิ่งที่เรียกว่า "Passion" หรือ "ความมุ่งมั่นอันแรงกล้า" ที่ขับเคลื่อนจากภายใน? วันนี้เราจะมา ถอดรหัส Passion ของ ADM หรือ นักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ บุคคลสำคัญที่ไม่ได้ขับเคลื่อนงานด้วยเพียงแค่ตำแหน่งหรือคำสั่ง แต่ด้วยหัวใจที่เข้าใจปัญหาและความต้องการของชุมชนอย่างลึกซึ้ง พร้อมเป็น กลไกนักจัดการเชิงพื้นที่ เพื่อ แก้จน อย่างยั่งยืน
ADM คือใคร และเหตุใดจึงสำคัญต่อการแก้จน?
ก่อนที่เราจะเจาะลึกถึง Passion ของ ADM เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ADM คืออะไร และมีบทบาทสำคัญอย่างไรในการพัฒนาชุมชน
Area Development Manager (ADM) หรือ นักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่
คือบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงกลไกภาคีต่างๆ
เพื่อสร้างความร่วมมือในการ แก้ปัญหาความยากจน ในพื้นที่
พวกเขามีลักษณะที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป กลุ่มความสนใจ วิสาหกิจชุมชน
ธุรกิจขนาดเล็ก/ใหญ่ เครือข่ายประชาสังคม ผู้นำทางศาสนา สถาบันการศึกษา
หรือแม้แต่หน่วยงานของรัฐ ที่มีความเป็น พลเมืองที่แข็งขัน (Active
Citizen) ของพื้นที่
บทบาทหลักของ ADM คือการผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาความยากจนผ่านความร่วมมือหลากหลายระดับ
ตั้งแต่การสร้างแนวคิด การประสานงาน การหนุนเสริม การติดตามประเมินผล
ไปจนถึงการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ แนวคิดระบบและกลไก ADM มาจาก บพท.
สำหรับ ADM "นักขับเคลื่อนงานพัฒนาทุกที่ สร้างการเปลี่ยนแปลงสมดุลสังคม" ตามหัวเรื่องบทความ เป็นคุณลักษณะของบุคคลมีคุณสมบัติผู้นำ ที่ผู้เขียนนิยามจากการดำรงชีพของกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมปฏิบัติการโมเดลแก้จน
เปิดใจ ทำไมชาวบ้าน "หมดศรัทธา" และ ADM จะเข้ามาเปลี่ยนได้อย่างไร?
คุณเคยรู้สึกไหมว่าการช่วยเหลือบางครั้งกลับกลายเป็นแค่
"การแจกของ" หรือ "การมอมถุงยังชีพ"
ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่แท้จริงได้? หลายชุมชนในประเทศไทยเผชิญกับความรู้สึกนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนนำไปสู่สิ่งที่ผมเรียกว่า "หมดศรัทธา"

ปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความ "หมดศรัทธา"
เมื่อต้นปี 2567 ที่บ้านดงสาร อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ พ่อเด่น หนึ่งในชาวบ้านที่เปรียบเสมือนวีรชนในเรื่องราวนี้ พ่อเด่นเล่าถึงความรู้สึกในช่วงเริ่มต้นโครงการพัฒนาต่างๆ ที่เข้ามาในพื้นที่
กังวลใจอยู่หลายครั้งก่อนเข้าร่วม เพราะมีสายตาในหมู่บ้านหลายคู่แสดงชัดเจน กำลังติดตามว่าผลจะเป็นเช่นไร เข้าพร้อมจะเยาะเย้ยทันทีเมื่อผิดพลาดขึ้นเช่นด้านคำพูด ว่าแล้วเสียเวลา บ่มีหยังมาพัฒนาได้ดอก
คำพูดเหล่านี้สะท้อนถึงบาดแผลลึกๆ
ของชุมชนที่เคยผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับโครงการที่เน้นเพียงการให้เปล่า
ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ หรือไม่ยั่งยืน พอโครงการจบ ปัญหาเดิมก็กลับมา
ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า
- เสียเวลา: โครงการมาแล้วไป ไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
- ไม่เกิดประโยชน์: การแจกของหรือเงินเพียงชั่วคราว ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาว
- หมดไฟ: ความผิดหวังซ้ำๆ ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะริเริ่มหรือมีส่วนร่วมกับสิ่งใหม่ๆ อีก
- จำเลยสังคม: หากมีใครสักคนกล้าลอง แล้วโครงการไม่สำเร็จ คนที่แนะนำกลับต้องแบกรับคำตำหนิและเสียงเย้ยหยัน
นี่คือภาพรวมของความ "หมดศรัทธา" ที่แช่แข็งการพัฒนาในหลายพื้นที่มานาน เพราะโครงการเหล่านั้นมักเน้นที่ปริมาณการให้ มากกว่าคุณภาพของการเปลี่ยนแปลง ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า "หมดศรัทธา" และอยากสื่อสารส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจว่า "แช่แข็งการพัฒนานานเกินไปแล้ว"
ADM แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่งความศรัทธา
แต่แล้วแสงแห่งความหวังก็ปรากฏขึ้น เมื่อ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ได้เข้ามาพร้อมแนวคิดของ "นักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่"
(Area Development Manager หรือ ADM) ที่ไม่ได้มาพร้อมกับถุงยังชีพ แต่มาพร้อมกับ
"เทคโนโลยีและนวัตกรรม" และที่สำคัญกว่านั้นคือ "ความเข้าใจ"
พ่อเด่น คือคนแรกๆ
ที่กล้าเปิดใจยอมรับเทคโนโลยี "ตะแกรงร่อน"
คัดเมล็ดพันธุ์ข้าวอัตโนมัติ แม้จะต้องเผชิญกับสายตาที่จับจ้องและคำเย้ยหยัน
แต่ท่านก็กล้าตัดสินใจ ซึ่งผลสำเร็จที่เกิดจากการใช้งานจริง
ได้พิสูจน์แล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้
สิ่งที่ ADM อย่างพ่อเด่นแตกต่างออกไป
และสามารถเข้ามาเปลี่ยนความ "หมดศรัทธา" นี้ได้ คือ
- เป็น "นักขับเคลื่อนงานพัฒนาทุกที่" ไม่ใช่แค่ "ตามหน้าที่": พ่อเด่นไม่ได้ทำเพราะได้รับมอบหมาย แต่เพราะเห็นปัญหาที่คล้ายกันในหลายพื้นที่ และมี Passion ที่อยากจะช่วยแก้ไขจริงๆ
- เน้น "การลงมือทำ" มากกว่า "การแจกจ่าย": ADM จะพาชาวบ้านลงมือทำจริง พิสูจน์ให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่จับต้องได้ เหมือนที่พ่อเด่นเลือกใช้ "ตะแกรงร่อน" จนเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงประจักษ์
- สร้าง "พันธกิจสัมพันธ์" ด้วยใจ: แทนที่จะเน้นรูปแบบที่เป็นทางการ ADM จะสร้างความสัมพันธ์แบบคนในครอบครัว "เว้าลาวนำกัน" ทำความรู้จักกันด้วยปัญหาร่วม นำไปสู่การเชื่อมมิตรภาพและทำงานร่วมกันในอนาคต
- เป็น "ผู้เชื่อมโยง" ไม่ใช่ "ผู้ให้คำสั่ง": ADM จะเชื่อมโยงชาวบ้านกับผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และองค์ความรู้ที่จำเป็น โดยไม่ยัดเยียด แต่เสนอด้วยคุณภาพจนพวกเขาตัดสินใจเลือกเอง เหมือนที่พ่อเด่นนำชาวบ้านกลุ่มเพาะเห็ดไปหานักวิจัยเพื่อขอคำแนะนำ
- ปลุกพลังในตัวชุมชน: ADM ไม่ได้มาเพื่อทำแทน แต่มาเพื่อปลุก สัญชาตญาณนัก ADM ที่ซ่อนอยู่ในทุกคน ให้กลับมามีพลังและกล้าที่จะลุกขึ้นมาขับเคลื่อนงานเพื่อส่วนรวมอีกครั้ง

ถอดรหัส Passion อะไรคือสิ่งที่ขับเคลื่อน ADM?
จากการสังเกตการณ์และพูดคุยกับพ่อเด่น ผู้เป็น
"นักขับเคลื่อนงานพัฒนาทุกที่" ทำให้เราเห็นถึง Passion และคุณสมบัติพิเศษที่ขับเคลื่อน ADM ให้แตกต่างจากการทำงานตามหน้าที่
1. ไม่ขับเคลื่อนตามหน้าที่ แต่ขับเคลื่อนด้วยความเข้าใจปัญหาที่แท้จริง
- มองเห็นปัญหาร่วมกัน: ADM ไม่ได้ทำงานเพียงเพราะเป็นคำสั่ง แต่เพราะพวกเขามองเห็นปัญหาที่คล้ายกันในหลายพื้นที่ และรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไข
- ความต้องการที่แรงกล้า: แรงขับเคลื่อนมาจากความปรารถนาที่จะเห็นชุมชนดีขึ้น พ้นจากความยากจนและปัญหาต่างๆ ที่เผชิญอยู่
2. สร้าง "พันธกิจสัมพันธ์" ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง
- "เว้าลาวนำกัน" การเชื่อมโยงผู้คน: พ่อเด่นแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของการสร้างความสัมพันธ์แบบคนอีสาน คือการ "เว้าลาวนำกัน" หรือการพูดคุยทำความรู้จักกันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งนำไปสู่การสร้างเครือข่ายและการทำงานร่วมกัน
- แก้ปัญหาแบบองค์รวม: เมื่อถูกถามถึงวิธีการพูดให้คนเชื่อ พ่อเด่นตอบสั้นๆ ว่า "ทุกคนกินข้าวผมก็อยากกินเห็ดเช่นกัน" สะท้อนถึงวิธีคิดที่มองเห็นความต้องการพื้นฐานและปัญหาร่วมกันของทุกคน และพร้อมที่จะนำพาทุกคนไปเจอกับผู้ที่สามารถช่วยเหลือได้
3. นำเสนอด้วย "คุณภาพ" ไม่ใช่แค่ "ยัดเยียด"
- พิสูจน์ด้วยผลลัพธ์: ADM ไม่ได้เน้นการนำเสนอโมเดลหรือสินค้าด้วยการยัดเยียด แต่ด้วยคุณภาพที่เกิดจากการใช้งานจริงจนเห็นผลสำเร็จ ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจซื้อหรือเข้าร่วมเอง
- สร้างการมีส่วนร่วม: ตัวอย่างที่น่าประทับใจคือการชวนกันร่วมกลุ่มเครือข่ายทำนา สร้างสายพานการผลิตเองโดยชุมชน และตั้งราคาขายเอง นี่คือการ Empower ชุมชนให้เป็นเจ้าของและผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
4. พลังบวกที่เอาชนะ "ความหมดศรัทธา"
- ก้าวข้ามพลังลบ: ในช่วงที่ชุมชน "หมดศรัทธา" กับโครงการที่เน้นการแจกของ และคิดว่า "ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เว้นแต่อายุและสุขภาพ" พ่อเด่นเลือกที่จะไม่ปล่อยพลังลบ แต่ใช้ผลสำเร็จจากการลงมือทำเป็นเครื่องพิสูจน์
- Passion ที่จุดประกาย: เทคโนโลยีและการลงมือทำได้ปลุกสัญชาตญาณ ADM ในตัวพ่อเด่นให้กลับมามีพลังอีกครั้ง
"การปล่อยพลังลบ ไม่เกิดการพัฒนา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เว้นแต่อายุและสุขภาพ ถ้าไม่มีพลังบวก การเงียบดีที่สุด”

ADM กลไกขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
ตลอดระยะเวลา 5 ปีของการทำงานวิจัยเชิงพื้นที่ประเด็น
แก้จน พบว่าปัญหาสุขภาพ ความเป็นอยู่ การศึกษา การเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ
มีกลไกขับเคลื่อนในพื้นที่อยู่แล้ว เช่น อสม. อพม. พอช. กสศ. แต่ในประเด็น
"รายได้" ซึ่งมีจำนวนผู้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศถึงประมาณ 12
ล้านคน กลับยังไม่มี กลไกนักจัดการเชิงพื้นที่ ที่ชัดเจน
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้การสร้าง ADM หรือ "นักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่" เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนครเองก็พร้อมทั้งทุนและความรู้ทางวิชาการ
เพื่อร่วมกันออกแบบระบบและกลไกนี้ ซึ่งในระยะยาว ADM ไม่ได้แค่จัดการงานในพื้นที่
แต่มีเป้าหมายที่สำคัญกว่านั้นคือการยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายให้รัฐบาลขับเคลื่อนเป็นกฎหมาย
หรือ พ.ร.บ. เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค เหมือนกับบทบาทของ อสม.
ในปัจจุบัน
ทุกคนคือ ADM ที่รอการปลุกพลัง
เรื่องราวของพ่อเด่นและแนวคิด ADM สะท้อนให้เห็นว่า Passion คือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริง
ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหรือหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
การลงมือทำในสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้
การเชื่อมโยงผู้คนด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง และการนำเสนอด้วยคุณภาพที่พิสูจน์ได้
คือคุณสมบัติสำคัญของ ADM
แท้จริงแล้ว สัญชาตญาณของ ADM
อาจอยู่ในตัวเราทุกคน เพียงแค่รอการปลุกให้ตื่นขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนเริ่มต้นได้จาก "นักขับเคลื่อนงานพัฒนา"
อย่างคุณและผม ที่พร้อมจะก้าวข้ามคำว่าหน้าที่ แล้วขับเคลื่อนด้วย Passion ที่แท้จริง เพื่อ แก้จน และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ
ให้เกิดขึ้นในชุมชนของเราเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- Sakon Nakhon Poverty Platform แพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในจังหวัดสกลนคร
- โมเดลแก้จน 'คลังเมล็ดพันธุ์ข้าว' ทำนาปรัง
.jpg)