
ปัญหา ความยากจน ในชุมชนมักถูกมองว่าเป็นเรื่องของการขาดแคลนเงินทุนหรือโอกาสทางอาชีพ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การขาดความรู้ความเข้าใจและทักษะในการบริหารจัดการการเงินและบัญชี ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตและความเข้มแข็งของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มที่ริเริ่ม โมเดลแก้จน ด้วยการประกอบกิจการขนาดเล็ก การทำบัญชีที่ซับซ้อนและไม่เข้าใจถึงประโยชน์ใช้สอย มักกลายเป็น "คำสาป" ที่สร้างความแตกแยกและบั่นทอนความเข้มแข็งของชุมชน
บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการทำบัญชีชุมชนเห็ดเศรษฐกิจบ้านบะหว้าอย่างง่าย ที่เน้นการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจลงทุนและพัฒนาธุรกิจอย่างแท้จริง
บัญชีครัวเรือนที่ไม่ถูกนำมาใช้: มรดกการพัฒนาที่ไม่ตอบโจทย์
แม้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีทักษะในการทำบัญชีครัวเรือนในระดับหนึ่ง แต่เมื่อถูกถามถึงการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนหรือตัดสินใจทางธุรกิจ มักแสดงความไม่มั่นใจและท้อแท้ ประสบการณ์จากการลงพื้นที่พบว่า ชาวบ้านมักมองการทำบัญชีเป็นเพียงภาระ หรือสิ่งที่หน่วยงานภายนอกต้องการเพื่อความโปร่งใส โดยไม่เห็นถึงประโยชน์ที่แท้จริงในการนำข้อมูลบัญชีมาปรับปรุงและพัฒนาอาชีพของตนเอง คำถามที่ว่า "อาจารย์ทำบัญชีพอสรุปตัวเลขเห็นแล้วท้อไม่มีกำลังใจ อาจารย์ทำไมขั้นตอนนี้ถึงไม่เหมือนกันกับหน่วยงานนั้น อาจารย์เอาข้อมูลบัญชีไปใช้ประโยชน์ยังไง นำไปกู้เงินมาลงทุนได้ไหม" สะท้อนถึงความสับสนและความไม่เข้าใจในระบบบัญชีที่ถูกนำเสนอ ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมานานและเป็นความท้าทายระดับชาติในการพัฒนาชุมชน
ทำบัญชีหลายรอบ: ความสูญเปล่าและความไม่ยั่งยืน
จากการสังเกตการณ์ในปฏิบัติการวิจัย พบว่า หลายชุมชนมีแนวโน้มที่จะจดบันทึกข้อมูลแยกไว้ในสมุดโน้ตส่วนตัวก่อน แล้วจึงนำมาลงในบัญชีที่โครงการจัดทำขึ้น เหตุผลหลักคือความกลัวที่จะทำผิดพลาด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขาดความมั่นใจและความเข้าใจในกระบวนการทำบัญชีที่แท้จริง การทำบัญชีหลายรอบเช่นนี้ไม่เพียงแต่เสียเวลา แต่ยังสะท้อนถึงการสร้างบัญชีขึ้นมาโดยขาดความเชื่อมโยงกับการปฏิบัติงานจริง ทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนางานในอนาคตได้อย่างแท้จริง ชาวบ้านอาจมองว่าการทำบัญชีเป็นเพียงเครื่องมือเพื่อแสดงความโปร่งใสต่อภายนอกเท่านั้น
ยกระดับทักษะการเงินชุมชน: จากการบันทึกสู่การตัดสินใจลงทุน
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ในการดำเนินงานกับชุมชนเห็ดเศรษฐกิจบ้านบะหว้า จึงมุ่งเน้นการยกระดับทักษะการเงินชุมชน โดยเปลี่ยนจากการทำบัญชีแบบเดิมๆ ไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนทางธุรกิจ แนวทางนี้ประกอบด้วย- การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการลงทุน: สอนให้ชาวบ้านเข้าใจว่าข้อมูลบัญชีสามารถนำมาใช้ในการประเมินความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของการลงทุนต่างๆ ได้อย่างไร
- การมีแผนการลงทุน: ช่วยให้ชุมชนวางแผนการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยพิจารณาจากข้อมูลรายรับรายจ่าย ต้นทุน และผลตอบแทนที่คาดหวัง
- ความเข้าใจแผนความเสี่ยง: สอนให้ชาวบ้านตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ และวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านั้นโดยใช้ข้อมูลบัญชี
- การใช้ประโยชน์เพื่อธุรกิจชุมชน: มุ่งเน้นให้ชาวบ้านเห็นว่าข้อมูลบัญชีเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนการผลิต การตลาด การบริหารจัดการ และการพัฒนาธุรกิจชุมชนโดยรวม
กลยุทธ์ต่อยอดบัญชีกลุ่ม: เริ่มจากง่าย สู่การวิเคราะห์เชิงลึก
ในการปฏิบัติจริงกับชุมชนเห็ดเศรษฐกิจ ได้มีการออกแบบรายการบันทึกบัญชีเพาะเห็ดอย่างง่าย โดยเน้นข้อมูลสำคัญที่สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจได้ เช่น รายรับ-รายจ่าย ปริมาณเห็ดที่เกิดดอก (แยกชนิด) แรงงาน ต้นทุน และลูกค้า เป้าหมายหลักคือการทำความเข้าใจว่าธุรกิจมีกำไรหรือขาดทุน อัตราการเกิดดอกเป็นอย่างไร ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการตัดสินใจว่าควรเพาะเห็ดชนิดใด จำนวนก้อนที่เหมาะสมกับแรงงานและตลาดคือเท่าใด และต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
กลยุทธ์ที่ใช้คือการเริ่มต้นจากสิ่งที่ชาวบ้านคุ้นเคย โดยให้แต่ละกลุ่มบันทึกบัญชีรายรับ-รายจ่ายในรูปแบบที่เคยทำมาก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มรายการอื่นๆ ที่มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ธุรกิจในภายหลัง หลักการคือการบวกรายรับ ลบรายจ่าย เพื่อให้เห็นภาพรวมของผลกำไรเบื้องต้น
กรณีศึกษาคุณยายตุ้ม: พลังของข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจ
ชุมชนเห็ดเศรษฐกิจบ้านบะหว้า โดยคุณยายตุ้ม ได้ทำรายการบัญชีแยกเป็น 3 ส่วน คือ บัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย และบัญชีแรงงาน พบว่ามีรายรับ 9,000 บาท รายจ่าย 4,000 บาท และใช้แรงงานประมาณ 10 คนต่อวัน
จากนั้น ได้มีการชักชวนให้คุณยายตุ้มบันทึกปริมาณเห็ดที่เกิดดอกในแต่ละวันย้อนหลัง เมื่อได้ข้อมูลสรุป พบว่าโรงเรือนเห็ดนางฟ้า 3,500 ก้อน เปิดดอก 20 วัน เก็บดอกได้ 110 กิโลกรัม มียอดขาย 9,000 บาท เมื่อนำข้อมูลรายรับ-รายจ่ายและปริมาณผลผลิตมาวิเคราะห์ พบว่าในเดือนแรกมีอัตราการเกิดดอก 300 กรัมต่อก้อน หากสามารถรักษาอัตราการเกิดดอกนี้ได้คงที่ตลอด 4 เดือน จะมีรายได้ถึง 40,000 บาท
เมื่อเห็นตัวเลขนี้ คุณยายตุ้มรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น แม้จะใช้ข้อมูลเพียงแค่รายรับ-รายจ่ายและปริมาณผลผลิต ก็สามารถเห็นแนวโน้มและศักยภาพของธุรกิจได้ หากมีการนำข้อมูลแรงงาน ลูกค้า หรืออื่นๆ มาวิเคราะห์เพิ่มเติม ก็จะสามารถวางแผนการเงินและพัฒนาธุรกิจได้อย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น
ชุมชนเรียนรู้ระบบผลิตและยกระดับบัญชีธุรกิจ: ก้าวสู่ความยั่งยืน
ชุมชนบ้านบะหว้ากำลังอยู่ในขั้นตอนการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงว่าการเพาะเห็ดสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความเสี่ยง เป้าหมายแรกของชุมชนคือการรักษาเงินทุนไว้เพื่อต่อยอดการผลิตในรอบต่อไป ควบคู่ไปกับการทำบัญชีและตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้มา
คุณยายตุ้มได้แสดงความขอบคุณสำหรับการชี้แนะแนวทางในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความพร้อมของชุมชนในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การทำบัญชีที่ง่ายและสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้จริง เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
พลังของนักพัฒนาและการเข้าถึงองค์ความรู้ชุมชน: AI ผู้ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล
ทักษะและความรู้ต่างๆ มีอยู่ในชุมชน สิ่งสำคัญคือ นักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงและเสริมพลังให้กับองค์ความรู้เหล่านั้นได้อย่างไร การวิเคราะห์ข้อมูลในปัจจุบันสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยโปรแกรมหรือเทคโนโลยี AI เพียงแค่นำข้อมูลบัญชีที่ได้บันทึกไว้เข้าสู่ระบบ ก็สามารถสรุปผลและให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นต่อการตัดสินใจทางธุรกิจได้
สรุป: บัญชีง่าย ๆ ข้อมูลทรงพลัง สร้างธุรกิจชุมชนที่ยั่งยืน
การทำบัญชีชุมชนเห็ดเศรษฐกิจบ้านบะหว้า แสดงให้เห็นว่า การทำบัญชีไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ต้องมุ่งเน้นที่การบันทึกข้อมูลที่สำคัญและสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุนและพัฒนาธุรกิจได้ การเริ่มต้นจากข้อมูลพื้นฐาน เช่น รายรับ-รายจ่ายและปริมาณผลผลิต ก็สามารถสร้างความเข้าใจและเห็นแนวโน้มของธุรกิจได้
เมื่อชุมชนเห็นถึงประโยชน์ที่แท้จริงของการทำบัญชี ก็จะเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนและบริหารจัดการธุรกิจของตนเอง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและนำไปสู่การหลุดพ้นจาก ความยากจน อย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้ชุมชนเข้าถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูล จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของ กิจการ ชุมชนต่อไป

เรียบเรียงโดย : สมชาย เครือคำ (แตงโม สกลนคร)
ดำเนินการ : โครงการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตเกษตรมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ติดตามได้ที่ blockdit และ Facebook
แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) งานยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ
งานวิจัยเข้ามา ยกระดับจริง ๆ
ตอบลบขอบพระคุณที่ติดตามครับ
ลบ