
เรื่อง: อ.ภาณุวัฒน์ บุญตาท้าว
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 นักวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทีมปฏิบัติการโมเดลแก้จน นำโดย อาจารย์ภานุวัฒน์ บุญตาท้าว และคณะ ได้ลงพื้นที่ดำเนินการศึกษาชุมชนและวิเคราะห์อาชีพ เพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเปราะบาง ณ ชุมชนงิ้วด่อน ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับหนองหาร จังหวัดสกลนคร โดยได้ร่วมมือกับเทศบาลนครสกลนคร ในการดำเนินการวิจัยครั้งนี้ ชุมชนดอนงิ้วมีอาชีพหลักคือการรับจ้างและทำประมง
จากการลงพื้นที่และศึกษาบริบทของชุมชน ทีมนักวิจัยได้รวบรวมแนวคิดที่มีศักยภาพในการนำมาต่อยอดและพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของ "โมเดลแก้จน" สำหรับชุมชนงิ้วด่อน เทศบาลนครสกลนคร ดังต่อไปนี้
1 การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาหนองหาร
- ปลาตากแห้ง: เสนอการใช้นวัตกรรมเครื่องหรือตู้ตากปลาพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตปลาตากแห้ง ซึ่งเป็นวิถีปฏิบัติเดิมของชุมชน
- ปลาร้าจากปลาหนองหาร: พิจารณาการเพิ่มมูลค่าด้วยการใช้ เกลือสินเธาว์ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสกลนคร เพื่อสร้างความแตกต่างและคุณค่าที่โดดเด่น
- น้ำหมักปลา: นำเศษปลาที่เหลือจากการชำแหละเพื่อทำปลาตากแห้ง มาผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ สำหรับฉีดพ่นเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของพืชผักในการปลูกผักแบบอินทรีย์
- ช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์: ส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มรายได้
2 การปลูกผักลอยน้ำริมชายฝั่งหนองหาร
ริเริ่มการทำแปลงปลูกผักลอยน้ำ สำหรับพืชที่สามารถเติบโตได้ดีในน้ำ เช่น ผักบุ้งแก้ว และผักกระเฉด โดยใช้ท่อ PVC จัดทำเป็นแพลอยน้ำ และมีระบบเชือกโยงเพื่อความสะดวกในการดูแลและเก็บเกี่ยวผลผลิต
3 การนำพืชน้ำที่เติบโตเร็วมาทำปุ๋ยหมัก
ใช้ประโยชน์จากพืชน้ำที่พบได้ทั่วไปในหนองหาร เช่น ผักตบชวา ผักบุ้ง จอก และแหน มาผลิตเป็นปุ๋ยหมัก เพื่อลดปริมาณขยะและสร้างมูลค่าเพิ่ม
4 การผลิตปุ๋ยหมักโดยผู้ป่วยจิตเวช และการเชื่อมโยงสู่การปลูกผักปลอดสารพิษ
ส่งเสริมให้ผู้ป่วยจิตเวชเข้ามามีส่วนร่วมในการทำปุ๋ยหมัก และนำปุ๋ยดังกล่าวไปใช้ในการปลูกผักปลอดสารพิษภายในบริเวณวัดในชุมชน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างผู้นำชุมชน พระสงฆ์ กลุ่มคนเปราะบาง และผู้ด้อยโอกาสในชุมชน
การดำเนินงานวิจัยและพัฒนาในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มคนเปราะบางในชุมชนดอนงิ้ว ด้วยการนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและสังคมอย่างยั่งยืน
“แท้จริงแล้ว ความร่วมมือคือสะพานเชื่อมโยงความหวังไปสู่โอกาส และโอกาสนั้นย่อมนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น”


