
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นอีสาน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการวิจัยเพื่อท้องถิ่น “การเสริมพลังกระบวนการเรียนรู้ชุมชนท้องถิ่นเพื่อการเปลี่ยนแปลง” ที่ห้องสร้อยสุวรรณา ชั้น 3 อาคาร 10 มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เมื่อวันที่ 10 – 12 กรกฎาคม 2567
ชาวบ้านก็สามารถเป็นนักวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นได้
งานนี้จัดเต็มเชิญเหล่าผู้ก่อตั้ง CBR และศิษย์เอกมาร่วมเป็นวิทยากร นำโดย ผศ.ดร.บัญชร แก้วส่อง รศ.ดร.กาญจนา แก้วเทพ นายบุญเสริฐ เสียงสนั่น อ.ดร.ภาสกร บัวศรี รวมถึงดอกผลที่เกิดจากงานวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นเป็นทีมพี่เลี้ยงจัดงานอบรมครั้งนี้ เพื่อพัฒนาศักยภาพที่ใช้แนวทางการวิจัย CBR สู่การดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาชุมชน ท้องถิ่น มีบุคลากรนักวิจัย ม.ราชภัฏสกลนคร และทีมกลไกสนับสนุนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นในภาคอีสานหลายจังหวัด ซึ่งจำกัดผู้เข้าร่วมอบรม 60 คน
บรรยากาศ 3 วัน มีกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยทีมวิทยากรนำเครื่องมือมีอายุกว่า 20 ปี ใช้ในการนำเสนอแนวคิด หลักการ ขั้นตอนและกระบวนการเส้นทางวิจัยเพื่อท้องถิ่นสู่ปฏิบัติการ นอกจากนั้นยังได้เรียนรู้คัมภีร์ CBR ที่มีการพัฒนาตำรามาถึง 4 รุ่น ได้แก่ Problem Tree , LogFrame , Outcome Mapping , Impact Pathway พร้อมลงมือใช้ประโยชน์เครื่องมือมากกว่า 30 ชิ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมอบรมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ
ผศ.ดร.บัญชร แก้วส่อง |
ผศ.ดร.บัญชร แก้วส่อง อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น (สกว.) กล่าวว่า หัวใจของการวิจัยเพื่อท้องถิ่น คือ การหยุดทบทวนและตั้งสติคนในชุมชนว่า เราเป็นใคร มีประวัติศาสตร์มาจากไหน เราจะไปไหน มีทางเลือกอื่นใดของชีวิตบ้างหรือไม่ ตลอดเกือบ 30 ปีที่ผ่านมางาน CBR เสริมพลังท้องถิ่นมากกว่า 2,000 หมู่บ้าน สร้างนักวิจัยท้องถิ่นมากกว่า 30,000 คน ถ้าขับเคลื่อนทั่วประเทศแบบเดิม กว่า 75,000 หมู่บ้านอาจใช้เวลานานถึง 1,000 ปี ถ้าผลักดันเข้ายุทธศาสตร์เป็นวาระการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นแห่งชาติ งานพัฒนาท้องถิ่นจะสร้างคนมีความรู้ทั่วประเทศได้ไวขึ้น
ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 เส้นทาง CBR
งานวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือ CBR (Community-Based Research) ดำเนินการตั้งแต่ปี 2541 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ภายหลังกองทุนยุบเลิกไปในปี 2562 แต่ระบบและกลไกยังสามารถขับเคลื่อนมาจนถึงปัจจุบัน
เคยได้ยินคนในท้องถิ่นพูดแบบนี้ไหม ...? "นักวิจอก-วิจัย นักวิชาการ-วิชาเกิน"
นี่คือทัศนคติชาวบ้านที่มีต่อนักวิจัย นัยยะ คือ นวัตกรรมบางอย่างใช้งานไม่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิปัญญาชาวบ้านจึงดูกระจอกน่าขำ หรือนวัตกรรมบางอย่างเกินศักยภาพที่ชาวบ้านจะดูแลได้โดยเฉพาะค่าดูแลซ่อมแซม ซึ่งเป็นช่องว่างที่อันตรายสู่การขาดโอกาสพัฒนาท้องถิ่นที่จะก่อเกิดความเหลื่อมล้ำเช่นปัจจุบัน งาน CBR เข้าไปลดช่องว่างระหว่างนักวิจัยกับชาวบ้านด้วยการสร้างองค์ความรู้การวิจัยและนวัตกรรม
ผลลัพธ์ที่สำคัญของการวิจัย CBR คือ การพัฒนาคนและของ มีเป้าหมายการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่นแบบองค์รวม เกิดจิตสำนึกรักษ์ท้องถิ่นที่มาจากกระบวนการวิจัย เกิดภูมิปัญญาท้องถิ่นและกระบวนการเรียนรู้ เกิดความเข้มแข็งขององค์กรและเครือข่าย สู่การขยายผลไปยังชุมชนท้องถิ่นอื่น นอกจากนั้นยังช่วยปกป้องการเข้าใจผิดที่ชาวบ้านมีต่องานวิจัย อธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจง่าย ๆ เปรียบเทียบเหมือนการใส่ปุ๋ยในนาข้าว ที่มีการปรับเปลี่ยนสูตรใหม่อยู่เสมอมีการพัฒนาไม่หยุดนิ่ง ระบบและกลไกงาน CBR จึงมี "ชาวบ้านเป็นนักวิจัย" ร่วมทุกโครงการ
รศ.ดร.กาญจนา แก้วเทพ |
นายบุญเสริฐ เสียงสนั่น |