เจาะลึกสถานการณ์ "คนจน" สกลนคร ปี 2568 ถอดรหัสผ่านข้อมูล TPMAP กับภารกิจแก้จนแบบชี้เป้า
ในยุคที่ข้อมูล (Data) คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาจังหวัด การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและคุณภาพชีวิตของชาวสกลนครไม่ได้ใช้เพียงแค่ความรู้สึกอีกต่อไป แต่เรามีเครื่องมือสำคัญอย่าง TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ที่เปรียบเสมือน "X-ray" ช่วยส่องให้เห็นว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
วันนี้จะมาสรุปภาพรวมและวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดของ จังหวัดสกลนคร ปี 2568 เพื่อให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร และจุดไหนคือ "แผล" ที่เราต้องเร่งเยียวยา
1. ส่องตัวเลข ใครคือคนจนเป้าหมายในสกลนคร?
จากการบูรณาการข้อมูล จปฐ. (ปี 2567) ร่วมกับฐานข้อมูลผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ปี 2565) พบว่าจังหวัดสกลนครมีสัดส่วนคนจนเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 1.66% หรือ 1,744 คน ของประชากรที่ได้รับการสำรวจ
แม้ตัวเลขร้อยละจะดูไม่สูงนัก แต่ในเชิงสถิติ กลุ่มคนเหล่านี้คือ "กลุ่มเปราะบางที่สุด" เพราะเป็นผู้ที่ตกเกณฑ์คุณภาพชีวิตพื้นฐาน และยังเป็นผู้ที่มีรายได้น้อยตามฐานข้อมูลรัฐบาล ซึ่งต้องการความช่วยเหลือแบบเฉพาะเจาะจงรายครัวเรือน
2. วิเคราะห์ 5 มิติ แผลตรงไหนที่ต้องรีบรักษา?
เมื่อแยกแยะความยากจนผ่านดัชนีหลายมิติ (MPI) เราพบข้อมูลที่น่าสนใจว่าปัญหาไม่ได้มีแค่เรื่อง "เงิน" เท่านั้น
- ⚠️ วิกฤตด้านความเป็นอยู่: นี่คือปัญหาอันดับ 1 ที่พบมากที่สุดในสกลนคร โดยเฉพาะเรื่อง ที่อยู่อาศัยไม่มั่นคงถาวร และการขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาดตลอดทั้งปี
- 🩺 มิติด้านสุขภาพ: พบปัญหาการเข้าถึงโภชนาการที่ดี และการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ห่างไกล
- 💰 มิติด้านรายได้: ประชากรเป้าหมายส่วนใหญ่ยังมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่า 40,000 บาทต่อปี และมักติดกับดัก "หนี้สินภาคเกษตร"
- 🎓 มิติด้านการศึกษา: พบเด็กบางกลุ่มหลุดจากระบบการศึกษา หรือมีทักษะที่ไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในปัจจุบัน
3. พื้นที่ "Hotspots" อำเภอไหนต้องจับตามอง?
จากการกระจายตัวของข้อมูล พื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทานในอำเภอใหญ่ๆ เช่น อ.สว่างแดนดิน, อ.วานรนิวาส และ อ.วาริชภูมิ ยังคงมีจำนวนคนจนเป้าหมายกระจุกตัวอยู่ ในขณะที่เขตอำเภอเมืองเริ่มมีความเข้มแข็งขึ้นจากการขยายตัวของภาคบริการและการท่องเที่ยว

หากมองในระดับภูมิภาค สกลนครเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจังหวัด "สนุก" (Sakon Nakhon, Nakhon Phanom, Mukdahan) ซึ่งเป็นกลุ่มจังหวัดชายแดนลุ่มแม่น้ำโขงตอนบนที่มีลักษณะโครงสร้างทางเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน
จากการเทียบข้อมูล TPMAP 2568 (อ้างอิงฐานข้อมูล จปฐ. 67 และบัตรสวัสดิการฯ 65) พบประเด็นที่น่าสนใจครับ สัดสวนคนจนเป้าหมายเปรียบเทียบกับกลุ่มจังหวัด "สนุก" (ปี 2568) คือ
- สกลนคร: 1.66% มิติปัญหาที่เป็นจุดอ่อนที่สุด ความเป็นอยู่ (บ้านไม่มั่นคง/น้ำดื่มน้ำใช้)
- นครพนม: 2.90% รายได้ และ ความเป็นอยู่
- มุกดาหาร: 1.70% การเข้าถึงบริการรัฐ และ สุขภาพ
4. วิเคราะห์ข้อแตกต่างเชิงลึก
- สกลนคร vs นครพนม: แม้จะเป็นจังหวัดใหญ่พอกัน แต่สกลนครมีสัดส่วนคนจนเป้าหมาย (1.66%) น้อยกว่า นครพนม (2.90%) เกือบครึ่งหนึ่ง สะท้อนว่าสกลนครมีระบบเศรษฐกิจภายในที่หมุนเวียนได้ดีกว่า หรือมีการกระจายตัวของโอกาสทางการศึกษาและอาชีพในระดับอำเภอที่ทั่วถึงกว่า
- มิติปัญหาที่แตกต่าง
- สกลนคร ปัญหาหลักอยู่ที่ "โครงสร้างพื้นฐานรายครัวเรือน" (บ้านและน้ำ) ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในเชิงกายภาพ
- มุกดาหาร แม้สัดส่วนคนจนจะใกล้เคียงสกลนคร แต่กลับมีปัญหาโดดเด่นในเรื่อง "การเข้าถึงบริการรัฐ" ซึ่งอาจเกิดจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา ทำให้การเดินทางเข้าถึงสถานพยาบาลหรือหน่วยงานรัฐทำได้ยากกว่า
- สถานะทางเศรษฐกิจ: สกลนครมีขนาดเศรษฐกิจ (GPP) ใหญ่ที่สุดในกลุ่มนี้ แต่ก็มีจำนวนคนจนเป้าหมายในเชิงปริมาณ (จำนวนคน) มากกว่ามุกดาหาร เนื่องจากฐานประชากรที่ใหญ่กว่ามาก
เห็นได้ว่าสกลนครถือเป็น "พี่เบิ้ม" ของกลุ่มจังหวัดสนุกที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสูงที่สุด แต่โจทย์ท้าทายคือการยกระดับคุณภาพชีวิตในมิติ "ความเป็นอยู่" หากสามารถแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและน้ำใช้ได้สำเร็จ สัดส่วนคนจนของสกลนครมีโอกาสลดลงต่ำกว่า 1% ได้เร็วกว่าจังหวัดเพื่อนบ้านครับ
5. ก้าวต่อไป การแก้จนที่ยั่งยืนสำหรับชาวสกลฯ
ในมุมมองนักวิเคราะห์ ข้อมูลปี 2568 บ่งชี้ว่า "ทางออก" ไม่ใช่แค่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการ "แก้ปัญหาตามรายชื่อ" (Targeting Intervention)
- ซ่อมแซมและสร้าง: เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย และระบบน้ำชุมชนในจุดที่เป็น Hotspots
- ปรับทักษะสร้างอาชีพ: เปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเดิม สู่การแปรรูป หรือเกษตรมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มรายได้ต่อหัว
- กลไกการตรวจสอบ: หน่วยงานท้องถิ่นต้องใช้ข้อมูล TPMAP ลงพื้นที่ Re-check เพื่อให้มั่นใจว่า "ไม่มีใครตกขบวน"
ข้อมูล TPMAP 2568 ของสกลนคร เป็นสัญญาณเตือนว่าเรายังมีภารกิจใหญ่ในการพัฒนาคน โดยเฉพาะในมิติ "ความเป็นอยู่" หากเราสามารถเปลี่ยนตัวเลขเหล่านี้ให้กลายเป็นแผนปฏิบัติการที่ตรงจุด สกลนครในวันพรุ่งนี้จะเติบโตอย่างเท่าเทียมและยั่งยืนยิ่งกว่าเดิม

