หนี้ท่วม 87.4% ต่อ GDP! นักวิจัยชี้ "แก้จน" ไม่ใช่แค่ให้เงิน แต่ต้อง "ผ่าตัดใหญ่" โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก

หนี้ท่วม 87.4% ต่อ GDP! นักวิจัยชี้ "แก้จน" ไม่ใช่แค่ให้เงิน แต่ต้อง "ผ่าตัดใหญ่" โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก


เรื่อง: แตงโม สกลนคร

ความยากจนเป็น "พลวัตเชิงโครงสร้าง" ไม่ใช่แค่ขาดรายได้

ถึงเวลาเปลี่ยน "คนจน" ให้เป็น "พลเมืองที่มีศักยภาพ"

ปัญหาความยากจนไม่ใช่แค่เรื่องของ "รายได้" แต่เป็น "พลวัตเชิงโครงสร้าง" ที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออกระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับคลื่นความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจ และวิกฤตหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 87.4% ต่อ GDP การใช้นโยบายแบบประชานิยมที่มุ่งให้การสนับสนุนเพียงอย่างเดียวได้สร้างภาระทางการคลังและทำให้ฐานรากของสังคมไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ทำอย่างไรให้คนหายจน แต่คือวิธีการสนับสนุนให้คนจนสามารถ "อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน" และหลุดพ้นจากวัฏจักรความยากจนได้อย่างยั่งยืน นี่คือภารกิจแห่งชาติที่ต้องอาศัยแนวทาง "เศรษฐกิจที่มีดุลยภาพ" (Balanced Economy) ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม บทความนี้จึงขอเสนอ "ข้อเสนอเชิงนโยบายปฏิรูปโครงสร้าง" เพื่อแก้จนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำ

หนี้ท่วม 87.4% ต่อ GDP! นักวิจัยชี้ "แก้จน" ไม่ใช่แค่ให้เงิน แต่ต้อง "ผ่าตัดใหญ่" โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก

การเปลี่ยนจากการ "ให้" เป็นการ "สร้างโอกาส"

การแก้ไขปัญหาความยากจนต้องเริ่มต้นจากการมองเห็นปัญหาในแบบ "องค์รวม" (Holistic Approach) ที่ครอบคลุมมิติของฐานทุน 5 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนกายภาพ ทุนการเงิน ทุนธรรมชาติ และทุนสังคม โดยเน้นการเสริมพลังและสร้างความตระหนักให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจความสำคัญของการพ้นจากความยากจนด้วยตนเอง

กลไกระดับชาติและระดับพื้นที่: ขับเคลื่อนวาระแก้จน

สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างความเป็นเจ้าของและการบูรณาการที่ชัดเจนในทุกระดับ

กำหนดวาระแก้จนให้เป็นวาระแห่งชาติ

  • การกำหนดวาระ: ควรกำหนดให้การแก้ไขปัญหาความยากจนเป็น วาระระดับชาติ และสร้าง กลไกระดับชาติ ที่มีภารกิจแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความต่อเนื่องในการดำเนินงาน
  • หน่วยงานเจ้าภาพ: ควรมี หน่วยงานเจ้าภาพหลัก หรือมอบหมายภารกิจให้ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นผู้ดูแลและกำกับความยากจนอย่างเป็นรูปธรรมในระดับพื้นที่

สร้างกลไกบูรณาการเชิงพื้นที่ (PPAP)

  • กลไกจังหวัด: พัฒนา กลไกระดับจังหวัด ที่สนับสนุนและเสริมหนุนด้วยบทบาทของมหาวิทยาลัย ชุมชน และภาคประชาสังคม
  • ระบบชี้เป้าแม่นยำ: สร้าง ระบบชี้เป้าระดับพื้นที่ ที่มีการบูรณาการข้อมูลร่วมกัน (เช่น TPMAP และ PPPConnext) เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างแม่นยำและตรงจุด
  • Collaborative Governance: ใช้แนวคิดการบริหารแบบ Collaborative Governance เน้นการกำหนดเป้าหมายร่วมและการปฏิบัติการร่วมกันของทุกภาคี.

นโยบายสวัสดิการและทุนมนุษย์เชิงรุก: ลงทุนในศักยภาพของคน

ปัญหาสำคัญของคนจนคือการเข้าไม่ถึงสิทธิและโอกาสทางสังคม โดยเฉพาะการขาดทักษะและหนี้สินที่ฉุดรั้ง การแก้จน ที่ยั่งยืนจึงต้องเน้นที่การพัฒนา ทุนมนุษย์ และการออกแบบสวัสดิการที่ส่งเสริมการพึ่งพาตนเอง

ปฏิรูปสวัสดิการจาก "เชิงรับ" เป็น "เชิงรุก"

  • สวัสดิการเชิงรุก: จัดทำ นโยบายสวัสดิการเชิงรุก ที่มุ่งเป้าและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง (ผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็กขาดโภชนาการ)
  • ระบบส่งต่อความช่วยเหลือ: สร้างกลไกและ ระบบส่งต่อความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง โดยเน้นการวิเคราะห์ทั้งด้านความต้องการ (Demand Side) และทรัพยากรที่มี (Supply Side)

พัฒนาทักษะอาชีพและความฉลาดทางการเงิน

  • ทักษะอาชีพเฉพาะจุด: จัดทำ นโยบายทักษะอาชีพ ที่เข้าถึงครัวเรือนอย่างตรงจุด พร้อมสอดคล้องกับบริบทและความต้องการในพื้นที่นั้น ๆ. โดยใช้ โมเดลแก้จน (OM) ที่เชื่อมโยงกับห่วงโซ่คุณค่า (Pro Poor Value Chain)
  • Financial Literacy: ส่งเสริมการพัฒนา ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) เพื่อช่วยให้ครัวเรือนยากจนสามารถวางแผนการเงินและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากปัจจุบันครัวเรือนส่วนใหญ่มีรายได้ไม่มั่นคงและขาดเงินออม
  • การจัดการหนี้สิน: นำหนี้ที่ไม่มีหลักประกันออกจากบัญชีของธนาคารเข้าสู่ระบบบริหารจัดการหนี้ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เพื่อช่วยให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้และกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง
หนี้ท่วม 87.4% ต่อ GDP! นักวิจัยชี้ "แก้จน" ไม่ใช่แค่ให้เงิน แต่ต้อง "ผ่าตัดใหญ่" โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก

สร้าง "บันไดเลื่อน" ทางสังคม: Social Mobility

เป้าหมายสูงสุดของการแก้จน คือการทำให้ครัวเรือนยากจนสามารถ "เลื่อนระดับทางสังคม" (Social Mobility) และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนจนเกิด S-Curve ของการพัฒนา ซึ่งต้องอาศัยการเข้าถึง 5 ประการ ดังนี้
  • เข้าถึงทรัพยากร: แก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกินและการเข้าถึงแหล่งทุนอย่างเป็นธรรม
  • เข้าถึงความรู้และเทคโนโลยี: สนับสนุนเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
  • เข้าถึงผู้รู้: มีกลไก "โค้ช" (Coaching) หรือนักจัดการชุมชนในการดูแล บ่มเพาะ และติดตามผลในระยะยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
  • เข้าถึงธุรกิจชุมชนและตลาด: สร้างกลไกที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ของคนจนเข้าสู่ห่วงโซ่มูลค่าและตลาด
  • ลูกหลานเข้าถึงระบบการศึกษา: สนับสนุนให้ลูกหลานเข้าถึงระบบการศึกษาและเกิดทักษะอาชีพที่เพียงพอและมีความฉลาดทางการเงิน เพื่อตัดวงจรความยากจนจากรุ่นสู่รุ่น

ปณิธานที่ไม่หยุดสู้เพื่อพี่น้องประชาชน

การแก้จน เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีวันจบสิ้น และต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การปฏิรูปเชิงนโยบายที่เสนอมานี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงลึกจากพื้นที่ การบูรณาการเทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย โดยเน้นการแก้ไขปัญหาแบบ เบ็ดเสร็จ แม่นยำ และองค์รวม หากภาครัฐสามารถสร้างกลไกที่เข้มแข็งในระดับชาติและระดับพื้นที่ มอบความเป็นเจ้าของให้ท้องถิ่น และลงทุนในศักยภาพของ ทุนมนุษย์ ผ่านสวัสดิการและทักษะอาชีพเชิงรุก จะสามารถเปลี่ยนคนจนให้เป็นพลเมืองที่มีศักยภาพ และสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง เพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนของประเทศไทยได้

หนี้ท่วม 87.4% ต่อ GDP! นักวิจัยชี้ "แก้จน" ไม่ใช่แค่ให้เงิน แต่ต้อง "ผ่าตัดใหญ่" โครงสร้างเศรษฐกิจฐานราก


ที่มา: 
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า