
เรื่อง: แตงโม สกลนคร
ในยุคที่ “ความยั่งยืน” เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนา องค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างมุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม แต่คำถามสำคัญที่ท้าทายเสมอคือ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าโครงการที่เราทำนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและคุ้มค่าจริงๆ…?
บทความนี้ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้จักกับเครื่องมือสำคัญ 2 อย่าง ที่เข้ามาช่วยตอบคำถามข้างต้น คือ การประเมินผลกระทบทางสังคม (SIA) และ การประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมจากการลงทุน (SROI) และตัวอย่างผลลัพธ์การเปลี่ยนคุณค่าเป็นมูลค่า จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคสนามร่วมกับนักวิจัย ม.ราชภัฏสกลนคร
โดยอาศัยข้อมูลและการสนับสนุนจาก กสศ. และ ศูนย์ SROI TU วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ม.ธรรมศาสตร์ ในกิจกรรมการเรียนรู้และถอดบทเรียนการลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจของชุมชนจาก "โครงการส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้ที่ใช้ชุมชนเป็นฐาน" (ซึ่งมีสถานะโครงการสิ้นสุดแล้ว)
ดร.มาลี ศรีพรหม หัวหน้าทีมนักวิจัยฯ กล่าวถึงแนวคิดในการประเมิน SROI ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือประเมินการลงทุน แต่คือ "กระบวนการ" หนึ่งที่ทรงพลังในการสร้าง ความรู้ ความรับผิดชอบและเสริมสร้างศักยภาพของ ชุมชน ให้เข้มแข็ง ด้วยการเปลี่ยน "คุณค่า" ทางสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจที่จับต้องไม่ได้ ให้กลายเป็น "มูลค่า" ที่แท้จริง เกิด social movement และ social impact ที่มั่นคงยั่งยืน

ทำความเข้าใจ SIA และ SROI เครื่องมือเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
แนวคิดในการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคมจากการลงทุน ที่ช่วยตอบผลลัพธ์และผลกระทบ ที่เกิดจากการดำเนินงานทางสังคมขององค์กรภาครัฐและเอกชน ให้ออกมาในรูปแบบของมูลค่า หรือตัวเงิน จากการลงทุน หรืองบประมาณที่องค์กรได้ใช้ในโครงการว่า สร้างมูลค่าหรือกำไรให้แก่สังคมเท่าไหร่ ซึ่งพัฒนามาจากแนวคิดของ Cost Benefit Analysis (CBA) ลงทุน 1 บาท ผลตอบแทนสังคมกลับมากี่...บาท?
Social Impact Assessment (SIA) มองให้เห็นภาพก่อนหรือหลังลงมือ
- SIA คือกระบวนการคาดการณ์และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและวัฒนธรรมจากโครงการต่างๆ โดยพิจารณาในมิติที่กว้าง ทั้งผลกระทบเชิงบวกและลบ ครอบคลุมด้านสุขภาพ, สวัสดิการ, การเข้าถึงทรัพยากร และความสัมพันธ์ทางสังคม
- SIA คือกระบวนการคาดการณ์และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสังคมและวัฒนธรรมจากโครงการต่างๆ โดยพิจารณาในมิติที่กว้าง ทั้งผลกระทบเชิงบวกและลบ ครอบคลุมด้านสุขภาพ, สวัสดิการ, การเข้าถึงทรัพยากร และความสัมพันธ์ทางสังคม
- SIA ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจบริบทและคาดการณ์ผลกระทบได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Social Return on Investment (SROI) วัดผลลัพธ์ที่จับต้องไม่ได้ให้เป็นมูลค่า
- SROI เป็นเครื่องมือที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการประเมินมูลค่าทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโครงการ โดยแปลงผลลัพธ์ที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความสุขที่เพิ่มขึ้น หรือความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ให้กลายเป็นค่าตัวเงิน ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนว่าการลงทุน 1 บาท สร้างผลตอบแทนกลับคืนสู่สังคมเท่าไหร่
- หัวใจสำคัญของ SROI คือการให้ความสำคัญกับเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) ทุกกลุ่ม
- SROI จะช่วยให้เราประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงและเห็นถึงมูลค่าที่แท้จริงของโครงการ
การใช้เครื่องมือทั้งสองนี้ร่วมกันจึงแตกต่างจากการประเมินผลทั่วไป เพราะมุ่งเน้นไปที่ การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นกับ ผู้ใช้ประโยชน์ และพยายามหา คุณค่าแทนทางการเงิน ของผลลัพธ์เหล่านั้น ทำให้เห็นภาพที่ครอบคลุมและสามารถบอกสถานะช่วยตัดสินใจการลงทุน หรือนำไปเปรียบเทียบกับโครงการอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[ศึกษาคู่มือการประเมิน: https://sroi-puey.my.canva.site/]

กระบวนการเรียนรู้ร่วม ประเมิน SIA และ SROI เปลี่ยนคุณค่าเป็นมูลค่า
หัวใจสำคัญของการประเมินด้วย SIA และ SROI คือกระบวนการที่มีส่วนร่วม (participatory process) โดยใช้ทุนชุมชน ให้คนในชุมชนเข้าถึงโอกาสการเรียนรู ้ พัฒนาทักษะอาชีพ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การสร้างองค์ความรู้ร่วม การพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้เพื่อการดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน
ผู้เขียนตัดข้ามมาถึงขั้นตอนการจัดเวทีถอดบทเรียนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ โดยการออกแบบเครื่องมือให้เหมาะสมกับโครงการที่รับประเมิน มีกระบวนการเรียนรู้ร่วมดังนี้
- ระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Identification): เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจว่าใครบ้างที่จะได้รับผลกระทบหรือผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการ ทั้งทางตรงและทางอ้อม แบ่งถอดบทเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ร่วมเรียนรู้ (หรือกลุ่มเป้าหมาย) และผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการในพื้นที่
- วิเคราะห์ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change): ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันเล่าเรื่องราวว่าโครงการสร้างผลประโยชน์อะไรบ้าง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่าง ตั้งแต่ทรัพยากรที่ใช้ กิจกรรมที่ทำ ผลผลิตที่ได้ มีผู้ใช้ประโยชน์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเกิดผลลัพธ์ไปจนถึงผลลัพธ์ระยะยาว การทำเช่นนี้ทำให้ทุกคนใน ชุมชน มีความเข้าใจที่ตรงกัน
- เข้าศึกษาสถานที่ดำเนินงาน: ทีมนักวิจัยและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำรวจการทำกิจกรรม เพื่อทวนสอบว่าผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ยังคงสภาพใช้การได้และมีผู้ใช้ประโยชน์ สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ตามจริง
- รวบรวมข้อมูลและประเมินผล: ข้อมูลไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว แต่มาจากเสียงของคนในชุมชน ผ่านการสัมภาษณ์กลุ่ม การสำรวจ และการสังเกตการณ์ การมีส่วนร่วมนี้ทำให้คนในชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของโครงการมากขึ้น ตระหนักได้ว่าโครงการที่ทำสร้างผลกระทบอย่างไรต่อชุมชนของตน

ตัวอย่าง การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน กับการประเมิน SIA และ SROI สู่การพัฒนาท้องถิ่นด้วยความรู้
SROI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือวัดผลตอบแทนทางการเงิน แต่เป็นกลไกที่ช่วยให้ ชุมชน ได้สร้างและสะสม ความรู้ เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นในอนาคต
จากเวทีการศึกษาและถอดบทเรียนฯ ครั้งนี้ มีคุณค่าต่อผู้เขียนมาก เห็นผลประโยชน์เกิดขึ้นจากที่โครงการสร้างการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ขอยกตัวอย่างจากมุมการวิเคราะห์ในภาพรวมโดยผู้เขียน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มผลกระทบที่สนใจ
1. องค์ความรู้ที่นำมาใช้ ต้องเข้าใจหลักแนวคิดก่อนพัฒนา
- ชุมชนเป็นฐาน: มีแนวคิดหลัก คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง การใช้ทรัพยากรท้องถิ่น การเคารพภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างความร่วมมือแบบภาคี และการพัฒนาที่ยั่งยืน
- อปท.โมเดล: มีกระบวนการพัฒนา 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ใช้พื้นที่รวมเป็นศูนย์กลาง 2) จัดตั้งกลุ่มองค์กรและศูนย์เรียนรู้ 3) วางแผนธุรกิจที่มีผู้ผลิตและมีตลาดต้องการจริง 4) นำโครงการเข้าแผนพัฒนาท้องถิ่นเพื่อเชื่อมโยงภาคีหนุนเสริม 5) ทบทวนแผนงานและหล่อหลอม (Retraining)
- การเรียนรู้ทุกช่วงวัย: การเรียนรู้ตลอดชีวิตมีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและมีคุณค่า การทำความเข้าใจความต้องการและแนวทางการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย จะช่วยให้เราสามารถออกแบบและส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. ผลประโยชน์ที่น่าสนใจ จากโครงการและแนวคิด
- เกิดฐานการเรียนรู้: ได้แก่ สร้างฐานการเรียนรู้ และวิทยากรประจำฐาน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับคณะศึกษา และเป็นฐานการทบทวนทักษะสร้างความมั่นใจในระบบการผลิตให้กับผู้สูงวัย
- เกิดห้องเรียนอาชีพ: ได้แก่ จัดตั้งศูนย์การเรียน เปิดโอกาสให้เยาวชนที่ออกนอกระบบการศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการทำงานในแปลงรวมเกษตรอินทรีย์ / สร้างอาชีพอย่างต่อเนื่องให้กับสมาชิก
- เกิดแผนธุรกิจ BMC: ได้แก่ ข้อตกลงการซื้อ-ขาย / แผนการผลิตและแผนความต้องการตลาด / กลุ่มองค์กร / สินค้า / เงินทุนหมุนเวียน / กองทุน / โครงสร้าง / เทคโนโลยี
3. การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ จากอดีตและมองอนาคต
- นำวิชาการ วิชาชีพ วิชาชีวิต มาพัฒนาท้องถิ่น: ได้แก่ สร้างมูลค่าจากภูมิปัญญา / รักษ์สิ่งแวดล้อม / เยาวชนได้รับโอกาสการศึกษา / ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม/ลดการว่างงาน
- เกิดวัฎจักรเศรษฐกิจหมุนเวียนในท้องถิ่น: ได้แก่ ชาวบ้านมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น / มีการซื้อขายวัตถุดิบระหว่างชุมชน / องค์กรมีเงินหมุนเวียน
- สร้างชุมชนเป็นฐานการผลิตและผู้คิดค้นนวัตกรรม: ชาวบ้าน มีความคิดรู้สึกเป็นเจ้าของ เป็นผู้ผลิต ผู้คิดค้น และเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเอง สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้กับท้องถิ่น

การลงทุนเพื่ออนาคตที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน
การประเมินผลกระทบทางสังคม (SIA) และการประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมจากการลงทุน (SROI) ไม่ใช่แค่เครื่องมือทางเทคนิค แต่เป็นปรัชญาในการทำงานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและศักยภาพของคนใน ชุมชน
การลงทุนในกระบวนการประเมินเหล่านี้คือการลงทุนเพื่อสร้าง องค์ความรู้ ที่เป็นของ ชุมชน เอง เป็นการเสริมสร้างรากฐานความเข้มแข็งจากภายใน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
การคำนึงถึง SROI ในแง่ของมูลค่าทางสังคมควบคู่ไปกับการสร้าง ความรู้ และการมีส่วนร่วมของ ชุมชน จึงเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นการสร้างอนาคตที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกันอย่างแท้จริง

