GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง

GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง

เรื่อง: แตงโม สกลนคร

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดสกลนครยังคงน่าเป็นห่วง จากรายงานของ GISTDA พบว่ามีพื้นที่ประสบภัยรวมกว่า 65,602 ไร่ ครอบคลุม 12 อำเภอ และส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 9,340 คน โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมและบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักนานเป็นเดือน

น้ำท่วมครั้งนี้แม้จะเกิดขึ้นตามแนวแม่น้ำลำห้วยสายสำคัญซึ่งเป็นลำน้ำสาขาย่อยไหลลงแม่น้ำโขง ได้แก่ แม่น้ำสงคราม ห้วยปลาหาง ห้วยน้ำยาม ห้วยน้ำอูน และห้วยน้ำก่ำ แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น

สาเหตุหลักของน้ำท่วม ธรรมชาติและบทบาทของมนุษย์

1. ปริมาณฝนที่มากเป็นประวัติการณ์

ช่วงมิถุนายน พ.ศ.2568 ฝนตกตลอดทั้งเดือนหนักสุดคือวันที่ 11 มิถุนายน ทำให้น้ำเริ่มเข้าท่วมพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านหลายอำเภอ และพายุ "หวู่ติบ" เข้าเติมซ้ำสองวันที่ 13 มิถุนายน มีฝนนตกหนักน้ำท่วมสูงขึ้นอีก ทั้งพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำและท้ายน้ำมีมวลน้ำมหาศาลเท่ากัน ส่งผลให้น้ำท่วมขังระบายออกได้อย่างช้าๆ

ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเผยว่า เดือนมิถุนายน 2568 จังหวัดสกลนครมีปริมาณน้ำฝนสะสมเฉลี่ยสูงถึง 300 - 450 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่มากที่สุดในรอบ 10 ปี เปรียบเทียบข้อมูลในเดือนเดียวกัน นี่คือปัจจัยทางธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นตัวเร่งให้เกิดน้ำท่วมใหญ่

2. การขาดการเตรียมพร้อมและรุกล้ำลำน้ำ

นอกเหนือจากปัจจัยทางธรรมชาติแล้ว บทบาทของมนุษย์ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการเตรียมรับมือน้อยเกินไป ทั้งที่ทราบถึงปัญหาและมีข้อมูลอยู่แล้ว เช่น การไม่เร่งขุดลอกคลองแม่น้ำลำห้วยที่ตื้นเขิน ทำให้การระบายน้ำไม่สะดวก

นอกจากนี้ การรุกล้ำลำน้ำของประชาชนในพื้นที่ก็ยิ่งทำให้ห้วยคลองแคบลง เมื่อฝนตกหนักต่อเนื่องและดินอุ้มน้ำจนเต็มที่แล้ว น้ำจึงเอ่อล้นเข้าท่วมเป็นบริเวณกว้าง แม้ไม่ใช่พื้นที่รับน้ำท่วมซ้ำซากก็ตาม

GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง

 

บทเรียนและข้อคิดจากสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสกลนคร

แม้ปริมาณฝนสะสมในเดือนมิถุนายนปีนี้จะยังไม่เท่ากับปี 2560 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่จากพายุ “เชินกา” แต่การที่มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 120% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกัน ประกอบกับมีพายุ “วิภา” จะเข้าในวันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2568 นี้ ก็เป็นสัญญาณเตือนที่เราไม่ควรมองข้าม ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เตรียมพร้อมรับมือการลดทอนผลกระทบจากภัยพิบัติ ทั้งตัวเองและสินทรัพย์การดำรงชีพอย่างใส่ใจพิเศษ

สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐที่ต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางแผนระยะยาว เพื่อเตรียมรับมือกับ “ภาวะโลกเดือด” อาจได้เจอกับทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง การเตรียมพร้อมรับมือ และการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน รวมถึงประชาชนเองที่ต้องตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและไม่รุกล้ำลำน้ำ เพื่อให้ระบบนิเวศและทางน้ำสามารถทำงานได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถบรรเทาได้ด้วย การเตรียมพร้อมที่ดี การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และความร่วมมือร่วมใจของทุกคน การเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตและปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่อง จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต เพื่อให้พี่น้องชาวสกลนครและพื้นที่อื่น ๆ สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน


ขอบคุณข้อมูลจาก

GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง
GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง
GISTDA เผยพื้นที่สกลนคร “น้ำท่วม” เสียหายครึ่งแสนไร่ ลุ้น “พายุวิภา” จ่อท่วมซ้ำรอบสอง
แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า