พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง

พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง

เรื่อง: แตงโม สกลนคร

เมื่อวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เรื่องราวอันน่าสนใจได้ถือกำเนิดขึ้น กับการทำงาน 3 วันที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความร่วมมือในการพัฒนาระบบเตือนภัยและการสื่อสารภัยพิบัติน้ำท่วมในเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนยากจนและเปราะบาง

จุดเริ่มต้นของการค้นพบ “ชุมชนคือหัวใจ”

การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อรองอธิการบดี ม.ราชภัฏสกลนคร โดย ผศ.ดร.ก้องภพ ชาอามาตย์ ได้เชิญผู้มีส่วนสำคัญ ทั้ง อสม., อพม., ประธานชุมชนและกรรมการชุมชน จากพื้นที่นำร่องลำห้วยโมง 2 ชุมชน ได้แก่ กกส้มโฮง 1 และ ชุมชนเอื้ออาทร รวมถึงตัวแทนภาคประชาสังคมอย่าง คุณพี่กอร์ฟ, พี่นิรัตน์, ครูตุ๊กตา พร้อมทั้ง นักศึกษาวิศวกรสังคม และนักวิจัย มาร่วมกันออกแบบระบบและกลไกขับเคลื่อนงาน นี่คือจุดเริ่มต้นที่บอกว่า ชุมชน คือหัวใจสำคัญ

ความยากจนและความเปราะบางนั้นมีความหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว การเผชิญกับภัยพิบัติย่อมทำให้การมองหาความช่วยเหลือเป็นเรื่องยากยิ่ง ดังนั้น การระบุครัวเรือนเป้าหมายจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด และนั่นคือเหตุผลที่เรายึด ชุมชนเป็นฐาน ในการทำงานครั้งนี้

ร่วมคิด ร่วมวางแผน พลังของการมีส่วนร่วม

การทำงานที่มีคุณภาพต้องมาจากกระบวนการที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง คุณบุญเสริญ เสียงสนั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดกระบวนการแบบมีส่วนร่วม ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำพาเราให้ร่วมกันกำหนดเป้าหมาย ร่วมกันคิดวางแผน และร่วมกันลงมือทำงานในชุมชน เพื่อให้งานบรรลุเป้าหมายทั้งในปัจจุบันและอนาคต
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง

วันที่ 1 แลกเปลี่ยนและออกแบบ

ในวันแรก เราเริ่มต้นด้วยการสร้างความเข้าใจถึงเป้าหมายของการทำงานด้านภัยพิบัติ จากนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์การได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ในปี 2560 ทุกคนช่วยกันชี้จุดเสี่ยงน้ำท่วม/น้ำรอระบาย พร้อมระดมความคิดเห็นถึงสาเหตุของปัญหา และปิดท้ายด้วยการร่วมกันออกแบบสอบถามเพื่อเตรียมสำรวจเก็บข้อมูลครัวเรือนเป้าหมาย

วันที่ 2 ลงมือทำและเติมเต็ม

วันที่สองของการทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เราเริ่มต้นด้วยการสอบทานข้อมูลครัวเรือนเป้าหมายและเพิ่มเติมข้อมูลที่ตกหล่น รวมถึงการจำแนกระดับวิกฤตตามตัวชี้วัดความเร่งด่วน 4 ระดับ จากนั้นจึงมีการอบรมการเก็บข้อมูล ชี้แจงขั้นตอนรายละเอียด ก่อนแบ่งทีมลงพื้นที่เก็บข้อมูลจริง

ขณะเดียวกัน อีกทีมหนึ่งก็สรุปพื้นที่น้ำท่วมเมื่อปี 2560 ลงในแผนที่เดินดิน และร่วมกันสรุปประเด็นปัญหา สาเหตุ และผลกระทบ ก่อนจะแบ่งกันทำงาน โดยทั้งสองทีมนัดเจอกันอีกครั้งในเวที 'โสเหล่' เพื่อเติมเต็มข้อมูลร่วมกับทีมชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ณ โรงเรียนบ้านกกส้มโฮง ในเวลา 17.00 น.

พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง


บทสรุปและบทเรียน เมื่อชุมชนคือผู้ช่วยคนแรก

และในวันสุดท้าย เราได้สรุปงาน ถอดบทเรียนจากข้อมูล, เครื่องมือ และกระบวนการที่ผ่านมา รวมถึงวางแผนนัดหมายการทำงานครั้งต่อไป

กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม เพื่อสร้างการเป็นเจ้าของข้อมูลอย่างเป็นระบบ ต้องใช้ชุมชนเป็นฐาน เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมจริงขึ้น คนในชุมชนเองนี่แหละ คือคนที่จะสามารถช่วยเหลือกันและกันได้อย่างทันท่วงที

บทเรียนสำคัญที่เราได้เรียนรู้ คือการสร้างความเข้มแข็งจากภายในชุมชน ไม่ใช่แค่การให้ความช่วยเหลือจากภายนอก แต่เป็นการสร้างพลังให้คนในชุมชนสามารถดูแลกันเองได้ในวันที่ยากลำบากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง:

พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง
พลังชุมชนเป็นฐาน บทเรียนน้ำท่วมใหญ่เมืองสกลนครปี 2560 สู่ระบบเตือนภัยเพื่อผู้เปราะบาง


แสดงความคิดเห็น (0)
ใหม่กว่า เก่ากว่า