
เรียบเรียง: แตงโม สกลนคร
ในโลกของการวิจัยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น แนวคิดของการมีส่วนร่วมและความเป็นเจ้าของของชุมชนได้ถูกเน้นย้ำมาโดยตลอด งานวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Community-Based Research: CBR) ได้เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการนี้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่ยั่งยืนในชุมชน
คำว่า “CBR คนแถวสอง” ที่ถูกกล่าวถึงโดย รศ.ดร.กาญจนา แก้วเทพ ในงานอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร เมื่อวันที่ 2-3 กันยายน 2567 ได้จุดประกายความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของคนในชุมชนในการเป็น นักวิจัย เพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเองอย่างแท้จริง

ไขรหัส “CBR คนแถวสอง”: นิยามและความหมาย
สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยได้ยินคำว่า “CBR คนแถวสอง” อาจเกิดความสงสัยในความหมายของคำนี้ จากการสอบถามและทำความเข้าใจในบริบทของการอบรม ทำให้ทราบว่าคำดังกล่าวเป็นการอุปมาอุปไมยที่น่าสนใจ โดยแบ่งบทบาทของ นักวิจัย ออกเป็นสองกลุ่มหลัก
- นักวิจัยแถวหนึ่ง: หมายถึง นักวิชาการ หรือ นักวิจัย ที่มีความเชี่ยวชาญในระเบียบวิธีวิจัยและเครื่องมือต่าง ๆ
- นักวิจัยแถวสอง: หมายถึง ชาวบ้าน หรือคนในชุมชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการวิจัย ทำหน้าที่เป็น นักวิจัยไทบ้าน ที่มีความเข้าใจบริบทและปัญหาของชุมชนอย่างลึกซึ้ง
แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นการลดทอนความสำคัญของ นักวิจัย ที่เป็นนักวิชาการ แต่เป็นการเน้นย้ำถึงพลังและความสำคัญของการผนึกกำลังระหว่างความเชี่ยวชาญทางวิชาการกับความรู้และประสบการณ์ของคนในชุมชน
ทำไมต้องมี “CBR คนแถวสอง”: เติมเต็มช่องว่างและขีดจำกัด
ประสบการณ์จากการนำเครื่องมือ CBR ลงสู่พื้นที่จริงในการอบรมครั้งที่สอง ณ บ้านกลาง ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ได้ฉายภาพให้เห็นถึงความท้าทายและอุปสรรคที่ นักวิจัย แถวหนึ่งอาจเผชิญ แม้จะมีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือวิจัยเพียงใด แต่บริบทของพื้นที่จริงนั้นเต็มไปด้วยปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น สถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย กลุ่มเป้าหมายที่ให้ข้อมูลแตกต่างจากที่คาดการณ์ สภาพอากาศที่ไม่แน่นอน และสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน
การเกิดขึ้นของแนวคิด “CBR คนแถวสอง” จึงเป็นการตระหนักถึงข้อจำกัดเหล่านี้ และเป็นการแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ การฝึกฝนให้ชาวบ้านในชุมชนสามารถใช้เครื่องมือในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเอง โดยมี นักวิจัย แถวหนึ่งเป็นพี่เลี้ยงและผู้สนับสนุน จะช่วยให้กระบวนการวิจัยมีความสอดคล้องกับบริบทของชุมชนมากยิ่งขึ้น และได้ข้อมูลที่ลึกซึ้งและรอบด้านมากขึ้น

เสน่ห์ของ CBR: ผลลัพธ์ที่มากกว่าแค่องค์ความรู้
เสน่ห์ที่สำคัญของงานวิจัย CBR คือการมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ทั้งในเชิง “คน” และ “ของ” นั่นคือ การสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้เป็น นักวิจัยไทบ้าน ที่มีความรู้ความสามารถและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนด้วยตนเองในระยะยาวได้
- การสร้างความรู้ที่สอดคล้องกับบริบท: นักวิจัยไทบ้าน มีความเข้าใจในวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตของชุมชน ทำให้สามารถตั้งคำถามวิจัยที่ตรงจุดและเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียดและมีความหมาย
- การเสริมสร้างศักยภาพชุมชน: กระบวนการวิจัยแบบมีส่วนร่วมเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน และเป็นการถ่ายทอดทักษะการวิจัยให้กับคนในชุมชน ทำให้พวกเขามีความรู้และความมั่นใจในการจัดการกับปัญหาของตนเอง
- การสร้างความยั่งยืน: เมื่อชุมชนมีความรู้และเครื่องมือในการวิจัยและพัฒนาด้วยตนเอง พวกเขาสามารถดำเนินงานต่อไปได้แม้จะไม่มีงบประมาณสนับสนุนจากภายนอก ดังเช่นกรณีศึกษาของบ้านดงสาร จังหวัดสกลนคร ที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนที่เกิดจากการดำเนินงานวิจัย CBR
ฟื้นคืนชีพ “งานวิจัยไทบ้าน”: พลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้น
กว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา แนวคิดของ “งานวิจัยไทบ้าน” หรือ CBR ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อหลายชุมชนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม หลังจากยุบเลิกสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ในปี 2562 กลไกการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นดูเหมือนจะเงียบหายไป การฟื้นคืนชีพและส่งเสริมกลไกงานวิจัย CBR โดยเฉพาะการสร้าง นักวิจัยไทบ้าน หรือ “CBR คนแถวสอง” จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและความเข้มแข็งในระดับชุมชน
แนวคิด “CBR คนแถวสอง” ตอกย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่าง นักวิจัย ที่เป็นนักวิชาการ และ นักวิจัยไทบ้าน ที่เป็นคนในชุมชน การผนึกกำลังนี้จะช่วยให้กระบวนการวิจัยมีความลึกซึ้ง สอดคล้องกับบริบท และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
การสนับสนุนและส่งเสริมให้ชุมชนมีบทบาทในการเป็น นักวิจัย ด้วยตนเอง ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาในท้องถิ่นได้อย่างตรงจุด แต่ยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว การฟื้นฟูและขับเคลื่อนกลไกงานวิจัย CBR จึงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและความยั่งยืนในสังคมไทย
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง


