
ผู้คนแถวนี้อาศัยในเขตน้ำท่วม อยู่กับสถานการณ์นี้มาแต่เกิด มีวลีพูดเล่นเชิงประชดว่า “ถ้าปีไหนที่ตรงนี้น้ำไม่ท่วม นาโคกแล้งแน่นอน” ชาวบ้านเข้าใจภูมิศาสตร์ที่ตั้งถิ่นเป็นอย่างดี แต่เลือกเกิดไม่ได้จึงไม่มีทางเลือกอื่น ต้องยอมรับและหากลยุทธ์ปรับวิถีดำรงชีพใหม่ เตรียมตัวพาครอบครัวอยู่รอดจากภัยธรรมชาติทุกปี เป็นปัจจัยสำคัญที่เหนี่ยวรั้งความยากจน
วิถีชีวิตของผู้คนบ้านดงสารกับ “ป่า ปลา ข้าว”
วิถีคนกับป่า
ถือเป็นดินแดนที่ล้ำค่าของชาวบ้าน ต้องขอบคุณที่ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่ดอนเล้าข้าว เต็มไปด้วยความหลากหลายของพรรณพืชพรรณไม้ ยางนามีแต่ต้นใหญ่ ๆ มีเซอร์ไพรส์รอบสองคือมีต้นยางนาใหญ่ 7 คนโอบน่าจะมีอายุหลายร้อยปี ดินอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีเห็ด นอกจากนี้ยังมี หน่อไม้ มันแซง เป็นแหล่งอาหารในหน้าแล้ง
วิถีคนกับปลา
ย้อนกลับไป 20 กว่าปี ช่วง พ.ศ.2542 ชาวบ้านดงสารได้สร้างพื้นที่ขยายและอนุรักษ์พันธุ์ปลา 2 วัง คือ วังอนุรักษ์หนองหมากแซว มีพื้นที่ 125 ไร่ และวังอนุรักษ์กุดสิ้ว พื้นที่ 12 ไร่ โดยชุมชนมีกติกาธรรมนูญร่วมกันปฏิบัติ ช่วงน้ำท่วมนี้จะมีวิถี ใส่ดาง (มอง) จับปลา พายเรือจับหนูนาตามต้นไผ่ ในฤดูแล้งชวนกัน “ผ่าปลา” การกุศล ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่าปลาแม่น้ำสงครามอร่อย อาจเป็นเพราะลำน้ำสงครามมีบ่อน้ำเค็มใต้ดิน ปลาได้กินน้ำเกลือจึงเนื้อแน่นและรสชาติดี
วิถีคนกับข้าวนาปรัง
มองดูรอบ ๆ บริเวณน้ำท่วม พื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้คือ “ทุ่งพันขัน” หลังน้ำลดลงเป็นสัญญาณบอกชาวบ้านทุกปีได้เวลาทำนาปรังแล้ว ฤดูแล้งที่นี้จะมีสีเขียวขจีจากใบข้าวเต็มพื้นที่มากกว่า 4,000 ไร่ (ที่สาธารณะประโยชน์ นสล.) ช่วงเดือนธันวาคม - เมษายน มีเกษตรกรในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้านมาใช้ประโยชน์ประมาณ 200 คน คิดเป็นมูลค่าจากผลผลิตมากกว่า 10 ล้านต่อปี
นี่คือวิถีชีวิตของคนในระบบนิเวศ “ป่าบุ่งป่าทาม” ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้เอ่ยถึง เช่น ควายทาม แพสะดุ้งใหญ่ เป็นต้น ถือได้ว่ามีแหล่งผลิตอาหารจากธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก จนรู้สึกหิวขึ้นมา อาหารบ้านดงสารแต่ละเมนูมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น นำวัตถุดิบที่หาได้จากป่าบุ่งป่าทามมาประกอบอาหาร
ในระหว่างทานข้าวอยู่นั้นมีนักร้อง นักเล่าเรื่อง คอยสร้างบรรยากาศให้แต่ละเมนูอร่อยมากขึ้น รู้สึกอบอุ่นสนุกสนานจนลืมเรื่องน้ำท่วม แม้ว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีพ เมื่อน้ำลดได้ฝากความอุดมสมบูรณ์ไว้หล่อเลี้ยงชุมชน หลายคนอาจได้คำตอบแล้วว่า คนมีรายได้น้อยทำไมดำรงชีพอยู่ได้ เพราะทรัพยากรธรรมชาติ เป็นปัจจัยสำคัญมากสำหรับคนยากจน
จุดเปลี่ยนความคิดพลิกวิกฤตหาโอกาสใหม่
ให้คิดว่าคุณกำลังอยู่บริเวณลุ่มน้ำสงคราม (ตอนกลาง) จะพาไปสัมผัสกับวิถีชุมชนบ้านดงสาร ต.โพนงาม อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร อยู่ห่างกับริมน้ำสงคราม 3 – 5 กิโลเมตร ผ่านสถานการณ์น้ำท่วม “น้ำแก่ง” มากกว่า 100 ปีก่อนตั้งหมู่บ้าน เอ่ยได้ว่าเป็นวิถีที่อยู่ร่วมกันระหว่างคนกับน้ำ ในการมาครั้งนี้มาพร้อมกับ Local Alike บริษัทการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน (ธุรกิจเพื่อสังคม) โดยคุณไผ สมศักดิ์ บุญคำ CEO มาเอง และผู้ติดตามคุณเปรม ณนภ ม่วงเกลี้ยง Product Manager ร่วมเป็นแมวมองติดดาวท่องเที่ยวชุมชน
จุดนัดพบขอเรียกว่า “โฮมสเตย์” บ้านครูแดง (ในอนาคต) ถือเป็นผู้นำที่ชาวบ้านเคารพ ชุมชนมองเห็นพื้นที่มีศักยภาพสูงต้องการอยากพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จึงเป็นที่มาของวันนี้เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญการท่องเที่ยวมาสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนโดยตรง หลังจากที่ได้แนะนำทำความรู้จักกันทุกคนแล้ว ชาวบ้านได้เซอร์ไพรส์รอบแรกด้วยการผูกผ้าขาวม้าให้ทีมงานทุกคน ถือเป็นวัฒนธรรมการต้อนรับด้วยมิตรไมตรีความฮักแพง
เชื่อมโยงบริบทสู่การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว
“ค่ำค่ำแลงลงมือจกถุงแล้วย่างเลาะบ้าน” (ร้องเพลง) เลาะไปดูพระอาทิตย์ตกดินบนสะพานดอนหลวงพัฒนา เป็นจุดที่มองเห็น “ทุ่งพันขัน” ได้ทั้งหมด ช่วงพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าแสงสีส้มสะท้อนกับน้ำท่วมสวยงามไม่แพ้ที่อื่น ในระหว่างรอสามารถกระโดดสะพานเล่นน้ำกับเด็กชาวบ้านได้
ถึงแม้พื้นที่จะอยู่ห่างไกลจากเมือง แต่ชุมชนมีบริการล่องแพไว้ต้อนรับทุกคน เป็นการเซอร์ไพรส์รอบสามช้างเผือกอยู่ในป่าลึกจริง ๆ พลาดไม่ได้แล้วขอใช้บริการเลยในช่วงฤดูฝนต้องได้นั่งเรือเข้าไปแพ บอกได้เลยว่าเพลงเพราะอาหารอร่อย
ลองวาดฝันเป็นนักท่องเที่ยว หนึ่งวันในฤดูฝนที่บ้านดงสาร มีอะไรทำเยอะมาก เริ่มต้นจาก ตื่นเช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หนองหมากแซว กลับมาใส่บาตรหน้าโฮมสเตย์ ช่วงสาย พายเรือใส่มองจับปลาพร้อมกับงมหอย มาทำลาบก้อยกินในตอนเที่ยง บ่าย ๆ ไปตกเบ็ดนำปลามาปิ้งกินตอนเย็น นั่งผ่อนคลายมีเครื่องดื่มฟังดนตรี เวลาผ่านไปไม่นานก็ถึงเข้านอน
นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน เป็นวิถีการดำรงชีวิตชาวบ้านดงสาร เหมาะสำหรับผู้ที่อยากใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายวิถีชนบท น่าอิจฉามากจนกระทั่ง Local Alike ชวนวาดอนาคตท่องเที่ยว “พิพิธภัณฑ์เกษตรกรรมที่มีชีวิต” โดยชุมชนด้วยชุมชน เตรียมเสนอแหล่งทุนมาพัฒนาการท่องเที่ยว
สุดท้ายนี้ กิจกรรมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย ปฏิบัติการโมเดลแก้จนด้วยเกษตรมูลค่าสูง ฯ โดยอาจารย์สายฝน ปุนหาวงศ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ทำบทบาทเชื่อมโยงภาคีมาร่วมพัฒนาชุมชนและครัวเรือนเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน
ท้ายที่สุดนี้ นึกว่าหมดเซอร์ไพรส์แล้วเหลือรอบสี่ส่งท้ายให้คิดถึง จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบโชว์มินิดนตรีจากนักเรียนโรงเรียนบ้านดงสาร ตามด้วยไฮไลท์เข้าพาขวัญผูกข้อต่อแขน ให้สายแนนฮักกันมั่นแก่นกับบ้านดงสารตลอดไป
เรียบเรียงโดย : สมชาย เครือคำ (แตงโม สกลนคร)
ดำเนินการ : โครงการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตเกษตรมูลค่าสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ติดตามได้ที่ Onepoverty และ blockdit และ Facebook
แหล่งทุนวิจัย : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ติดตามได้ที่ งานยุทธศาสตร์ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ